คลัง ยันเจรจาภาษีทรัมป์ไม่ใช่ 0% หมดเหมือนเวียดนาม ลั่นต้องปกป้องภาคเกษตร-ธุรกิจ

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า ข้อเสนอที่จะให้กับสหรัฐฯ นั้น เบื้องต้นไทยอาจจะไม่สามารถเปิดได้ทั้งหมดเหมือนกับประเทศที่ได้มีการตกลงกันไปแล้ว เพราะการเปิดข้อเสนอทั้งหมดจะมีผลกระทบอย่างมาก เช่น เวียดนาม ที่ได้ภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ 20% แต่ต้องเปิดตลาดสินค้านำเข้าให้สหรัฐฯ เหลือ 0%

โดยมองว่าการดำเนินการแบบนี้ อาจจะไม่ได้จบแค่สหรัฐฯ เพราะยังมีเรื่องอนุสัญญาว่าด้วยชาติที่ได้รับความอนุเคราะห์ยิ่ง (Most Favored Nation : MFN) ด้วย ซึ่งหมายความว่าหากเราให้ภาษี 0% กับบางประเทศ ก็อาจจะต้องให้กับประเทศคู่ค้าอื่น ๆ ด้วย ซึ่งจะส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการในประเทศอย่างมาก โดยเฉพาะกับสินค้าที่ประเทศไทยพยายามปกป้อง ทั้งภาคเอกชน และภาคเกษตรกร

“ดังนั้นมองว่าหากไทยมีการเปิดเสรีนำเข้าสินค้า 0% ให้กับประเทศหนึ่ง ก็อาจจะโดนหยิบยกมาเป็นข้อเรียกร้องทันที โดยเฉพาะกับสินค้าที่รัฐบาลพยายามปกป้อง ตรงนี้จะกลายเป็นเขื่อนแตก ทำให้เกิดความเสียหายกับภาคธุรกิจในประเทศ ส่วนสินค้าบางประเภทที่ปัจจุบันก็มีการให้ภาษีนำเข้า 0% อยู่แล้ว ถ้าไทยเปิดเพิ่มเติม ก็ถือเป็นการเปิดให้มีการแข่งขันกัน แบบนี้ถือว่าไม่เสียหายอะไรมาก” นายจุลพันธ์ กล่าว

พร้อมระบุว่า เช่นเดียวกันเรื่องการเพิ่มเม็ดเงินลงทุน ซึ่งหากสอดคล้องกับแผนการลงทุนของภาคเอกชน หรือรัฐวิสาหกิจอยู่แล้ว ก็อาจจะให้ขยับไปลงทุนในสหรัฐฯ ซึ่งอาจจะมีต้นทุนเพิ่มขึ้น แต่ก็จะได้ประโยชน์ในเรื่องของการเจรจา เช่น เรื่องพลังงาน เหล่านี้ก็มีอยู่ในแผนการเจรจรอยู่แล้ว โดยมองว่าข้อเสนอหรือข้อตกลงที่ไทยเจรจากับสหรัฐฯ จึงยึดหลักที่จะต้องได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย

ส่วนก่อนหน้านี้ที่มีข่าวว่าไทยจะเปิดให้มีการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ในอัตรา 0% หลายหมื่นรายการนั้น รมช.คลัง กล่าวว่า ไม่อยากให้ไปตกใจกับจำนวนสินค้าที่ไทยจะเปิดให้ 0% เพราะต้องทำความเข้าใจก่อนว่าพิกัดภาษีศุลกากรมีจำนวนมาก เช่น ปลากระป๋อง มีทั้งปลากระป๋องในน้ำมัน ปลากระป๋องในน้ำแร่ และปลากระป๋องในน้ำเกลือ สินค้าเหล่านี้มีพิกัดแยกทั้งหมด ดังนั้นเมื่อฟังตัวเลขอาจจะดูน่าตกใจ แต่ในข้อเท็จจริงหากนับเป็นประเภทแล้ว ไม่ได้มากขนาดนั้น

“การเจรจาระหว่างประเทศ จะไปเอาในสิ่งที่ได้ประโยชน์ฝ่ายเดียว หรือเขาได้ประโยชน์ทั้งหมด มันคงเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องรอเวลา เพื่อให้สหรัฐฯ พิจารณาข้อเสนอแล้วส่งกลับมาก่อน ว่าสุดท้ายจะไปจบที่ตรงไหน แต่รัฐบาลยืนยันว่า การสร้างสมดุลการค้าใหม่ที่จะเกิดขึ้นนี้ เอกชนไทย กลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะภาคเกษตรกรจะต้องอยู่ได้ ส่วนเรื่อง local content นั้น ก็อาจจะต้องมาพิจารณาในรายละเอียดให้มีความเหมาะสมอีกครั้ง” รมช.คลังกล่าว

ส่วนจะมีสินค้ากลุ่มไหนบ้างที่ไม่สามารถให้ภาษีนำเข้า 0% หรือสินค้ากลุ่มไหนบ้างที่ให้ภาษีนำเข้า 0% แก่สหรัฐฯ ได้นั้น คงยังไม่สามารถตอบได้ เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจา

รมช.คลัง กล่าวด้วยว่า ในระหว่างนี้ภาคเอกชนจำเป็นต้องมีการปรับตัว ขณะเดียวกันรัฐบาลก็มีหน้าที่ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือ ซึ่งจะดำเนินการผ่านการจัดเตรียมวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟท์โลน) จำนวน 2 แสนล้านบาท เพื่อใช้ในกรณีที่มีความจำเป็นในการให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุนกับภาคเอกชนให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ประคองเรื่องการจ้างงานให้อยู่ได้ ซึ่งแนวทางต่าง ๆ เหล่านี้ได้มีการเตรียมรองรับไว้พอสมควรแล้ว

ส่วนที่เอกชนกังวลว่าซอฟท์โลน 2 แสนล้านบาท อาจจะไม่เพียงพอนั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า หากท้ายที่สุดเมื่อมีความจำเป็นจะต้องเพิ่มเติม ก็เชื่อว่าจะมีกลไกของรัฐที่สามารถดำเนินการเพิ่มเติมได้อยู่แล้ว ขณะเดียวกัน จะต้องพิจารณาเรื่องการขยายตลาดใหม่ เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่งเป็นหลักด้วย

รมช.คลัง ยังกล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ว่า อาจจะต้องรอจังหวะเวลาที่เหมาะสม โดยระหว่างนี้ จะต้องมีการพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจกันก่อน และมองว่าสถานการณ์ในขณะนี้ โครงการดังกล่าวยังไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน เพราะรัฐบาลยังมีหน้าที่ในการเร่งแก้ปัญหาหลายเรื่องที่มีความสำคัญมากกว่า เช่น ภาษีสหรัฐฯ

ด้านนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยว่า หลังจากที่ทีมไทยแลนด์ ได้ปรับปรุงข้อเสนอเรื่องภาษีสินค้ากับสหรัฐฯ ภายใต้เงื่อนไขใหม่เพิ่มเติมให้แก่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ไปเมื่อวันที่ 17 ก.ค.แล้วนั้น ขณะนี้สหรัฐฯ ยังไม่ได้มีการตอบกลับมา ซึ่งระหว่างนี้ยังเป็นการอัปเดตข้อมูล และเคลียร์ตัวเลขบางส่วนของแต่ละข้อเสนอให้ตรงกัน

“ตอนนี้เป็นการอัปเดตข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างคนทำงานด้วยกัน ว่าข้อเสนอนี้เป็นอย่างไร เป็นการเคลียร์ตัวเลขให้ตรงกันก่อน” นายพิชัย ระบุ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ก.ค. 68)