
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 10 ก.ย.นี้ว่าจะต้องทำประชามติกี่ครั้ง หากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าต้องทำ 2 ครั้งก็หมายความว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนที่ค้างอยู่ในรัฐสภาก็สามารถเดินต่อไปได้เลย เพราะประธานรัฐสภาสั่งบรรจุวาระแล้ว และเดินหน้าต่อไปเลยจนถึงโหวตวาระ 3 ซึ่งระหว่างการพิจารณาต้องดูเกณฑ์เรื่องเสียงของ สว.ต้องเห็นชอบ 1 ใน 3 ถึงจะสำเร็จได้ ดังนั้นเราต้องไปทำการบ้าน
ส่วนความคาดหวังของรัฐบาลหากศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ทำประชามติ 2 ครั้งแล้ว ยังมีอีกเงื่อนไขหนึ่งว่า สว.จะเห็นด้วยหรือไม่ ซึ่งวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านตนได้ตอบกระทู้เรื่องดังกล่าวต่อที่ประชุมวุฒิสภา และได้ขอความกรุณาว่าหากเห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหาก็ต้องช่วยกันหน่อย อย่างไรก็ตามหากเรื่องนี้ไปต่อได้ การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดยไม่แตะหมวด 1 และ หมวด 2 โดยจะมีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) และยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่อาจไม่ทันรัฐบาลชุดนี้
ดังนั้นตนจึงตั้งความหวังว่า แม้จะไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็ขอให้ตั้ง สสร.ให้ได้ ดังนั้นประการแรก คือ สว.เห็นชอบ ประชามติครั้งแรกต้องผ่าน และจึงสามารถตั้ง สสร.ได้ แม้จะมีการยุบสภาฯ สสร.ก็ยังคงทำงานต่อได้ และเสนอรัฐธรรมนูญให้สภาฯ ชุดใหม่ดำเนินการต่อไปได้
ขณะเดียวกันหากศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ทำประชามติจำนวน 3 ครั้งก็หมายความว่าเราต้องเริ่มใหม่ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวทั้ง 2 ร่างใช้ไม่ได้ ต้องทำประชามติถามประชาชนก่อนว่าจะมีการให้แก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับใหม่หรือไม่
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ก.ค. 68)