
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพฤหัสบดี (24 ก.ค.) หลังธนาคารกลางยุโรป (ECB) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามคาด ขณะที่นักลงทุนตอบรับเชิงบวกต่อผลประกอบการที่แข็งแกร่งของธนาคารรายใหญ่ และความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหภาพยุโรป (EU) กับสหรัฐฯ ที่เริ่มผ่อนคลาย
- ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 551.55 จุด เพิ่มขึ้น 1.33 จุด หรือ +0.24%
- ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,818.28 จุด ลดลง 32.15 จุด หรือ -0.41%,
- ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,295.93 จุด เพิ่มขึ้น 55.11 จุด หรือ +0.23% และ
- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,138.37 จุด เพิ่มขึ้น 76.88 จุด หรือ +0.85%
แต่ตลาดปรับตัวลงจากจุดสูงสุด หลังนักลงทุนปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายการเงินอีกครั้ง หลังจากคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB ระบุว่า ผู้กำหนดนโยบายให้ความสำคัญกับแนวโน้มด้านการค้าและผลกระทบต่อเศรษฐกิจก่อนตัดสินใจลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม
ตลาดสัญญาอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้าสะท้อนการเปลี่ยนแปลงด้านความเชื่อมั่น โดยนักลงทุนลดคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ยในเดือนก.ย. ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนีอายุ 2 ปีปรับตัวขึ้น ซึ่งกดดันตลาดหุ้น
นักเศรษฐศาสตร์รายหนึ่งให้ความเห็นว่า อัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2% ยังอยู่ในช่วงเป้าหมายที่เป็นกลางของ ECB ที่ 1.5% ถึง 2.5% อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนยังคงอยู่ในระดับสูง และหากความตึงเครียดทางการค้ารุนแรงขึ้น อาจจำเป็นต้องผ่อนคลายเพิ่มเติมในช่วงปลายปีเพื่อสนับสนุนความเชื่อมั่นของธุรกิจและผู้บริโภค
ท่าทีที่ระมัดระวังของธนาคารกลางเกิดขึ้นท่ามกลางเงินเฟ้อในยูโรโซนที่กลับมาอยู่ที่เป้าหมาย 2% ของ ECB พร้อมสัญญาณความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังได้แรงหนุนจากความคาดหวังต่อข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ-สหภาพยุโรป (EU) หลังคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ระบุว่า ข้อตกลงใกล้บรรลุแล้ว โดยภาษีศุลกากรต่อการส่งออกสินค้าของยุโรปไปยังสหรัฐฯ อาจลดลงเหลือ 15% จากเดิมที่สหรัฐฯ เตรียมเรียกเก็บ 30% ในวันที่ 1 ส.ค.นี้
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวโดดเด่นหลังรายงานกำไรไตรมาส 2 สูงกว่าคาด โดยหุ้น Deutsche Bank ของเยอรมนีพุ่งขึ้น 9.1% ส่วนหุ้น BNP Paribas ของฝรั่งเศส เพิ่มขึ้น 0.4% หลังจากพุ่งขึ้นเกือบ 3% ในช่วงเช้า และดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารยูโรโซนแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551
บริษัท Reckitt ปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ประจำปี หลังยอดขายสุทธิไตรมาส 2 สูงกว่าคาด และดันหุ้นพุ่งขึ้น 10%
ความตึงเครียดทางการค้าที่ผ่อนคลายช่วยให้ดัชนี STOXX 600 ฟื้นตัวขึ้นราว 18% จากระดับต่ำสุดในเดือนเม.ย. หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีสูงต่อคู่ค้า อย่างไรก็ตาม ดัชนียังคงต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเดือนมี.ค.อยู่ราว 2%
หุ้น Roche ของสวิตเซอร์แลนด์เพิ่มขึ้น 1.4% หลังรายงานกำไรจากการดำเนินงานครึ่งปีแรกสูงกว่าคาด ขณะที่หุ้น Deutsche Telekom พุ่ง 5% หลังบริษัทลูกในสหรัฐฯ คือ T-Mobile รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ที่แข็งแกร่ง
ส่วนหุ้น Nestle ร่วงลง 4.6% หลังบริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์ประกาศทบทวนกลยุทธ์ธุรกิจวิตามิน และรายงานผลประกอบการครึ่งปีแรก
หุ้นผู้ผลิตชิป STMicroelectronics ร่วงลงถึง 16.6% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงวันเดียวมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ หลังรายงานยอดขาดทุนรายไตรมาสครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษ ตรงกันข้ามกับยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีอย่าง Alphabet และ SK ที่มีกำไรดีกว่าคาด
ด้านข้อมูลเศรษฐกิจนั้น ผลสำรวจล่าสุดพบว่า กิจกรรมทางธุรกิจในยูโรโซนเร่งตัวเร็วกว่าที่คาดในเดือนนี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.ค. 68)