
สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT เผยถึงสถานการณ์ด้านการบินล่าสุดว่า แม้จะมีการประกาศพื้นที่ห้วงอากาศที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดน แต่พื้นที่ดังกล่าวยังจำกัดเฉพาะในเขตที่มีความขัดแย้ง และยังไม่ส่งผลกระทบต่อการบินพลเรือนในภาพรวม
พล.อ.อ.มนัท ชวนะประยูร ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า CAAT ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมประสานงานกับบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าการบินเข้า–ออกประเทศไทยสามารถดำเนินการได้อย่างปลอดภัยและราบรื่น
“แม้บางสายการบินจะมีการปรับลดความถี่ของเที่ยวบินบางส่วน แต่จากการติดตามข้อมูลการจองโดยสาร พบว่า ยังมีที่นั่งเพียงพอต่อความต้องการของผู้โดยสาร โดยหลายสายการบินได้ปรับเปลี่ยนมาใช้อากาศยานขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับผู้โดยสารให้ได้มากขึ้นในแต่ละเที่ยวบิน” พล.อ.อ.มนัท กล่าว
สำหรับเส้นทางที่อาจต้องมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเพื่อหลีกเลี่ยงพื้นที่ความขัดแย้ง เช่น เส้นทางบินบางส่วนที่มุ่งหน้าไปยัง กัมพูชา เวียดนาม และฟิลิปปินส์ นั้น CAAT ยืนยันว่าเป็นการปรับเปลี่ยนที่อยู่ในขอบเขตจำกัด และยังสามารถทำการบินได้อย่างต่อเนื่อง
CAAT ขอแนะนำให้ผู้โดยสารที่มีแผนเดินทางในเส้นทางดังกล่าว ติดตามข่าวสารจากสายการบินอย่างใกล้ชิด ตรวจสอบเงื่อนไขการเดินทาง และจัดเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน เพื่อความราบรื่นในการเดินทาง
ในกรณีที่พบปัญหาหรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถติดต่อสายการบินที่ใช้บริการโดยตรง และหากต้องการยื่นข้อร้องเรียนสามารถดำเนินการผ่านเว็บไซต์ complaint.caat.or.th
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ก.ค. 68)