หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ งบ DELTA ต่ำคาดถ่วง-บาทอ่อนเร็วกดดัน Fund Flow

นักวิเคราะห์ฯ ระบุตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดแกว่งไซด์เวย์ แม้ไทย-กัมพูชาตกลงหยุดยิง แต่ยังมีปัจจัยถ่วงจาก DELTA แจ้งงบต่ำคาด และเงินบาทอ่อนค่าเร็วอาจทำให้ Fund Flow ขาดความต่อเนื่อง รวมถึงการเจรจาการค้ากับสหรัฐยังไม่แน่นอนขณะที่เข้าใกล้เส้นตาย 1 ส.ค.แนวโน้มวันนี้แนะติดตามประชุมเฟด และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ให้กรอบแนวรับ 1,200-1,205 จุด แนวต้าน 1,230 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นเช้านี้คาดแกว่งไซด์เวย์ แม้มีปัจจัยบวกจากข้อตกลงยุติการยิงไทย-กัมพูชา แต่อาจถูกหุ้น DELTA ถ่วงหลังรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/68 ต่ำกว่าตลาดคาดราว 10% รวมถึงเงินบาทอ่อนค่าเร็วจาก 32.1 บาท/ดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ก่อนมาที่ 32.4 บาท อาจทำให้กระแสเม็ดเงินลงทุนต่างชาติขาดความต่อเนื่อง

และในสัปดาห์นี้ ก็มีความไม่แน่นอนว่าไทยจะสามารถหาข้อสรุปการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ได้หรือไม่ เมื่อเส้นตายมาตรการภาษีสหรัฐฯวันที่ 1 ส.ค. ใกล้ถึงเข้ามาแล้ว

แนวโน้มในวันนี้ แนะติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือนก.ค. ของสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน โดยให้กรอบแนวรับ 1,200-1,205 จุด และแนวต้าน 1,230 จุด

 

ประเด็นพิจารณาลงทุน

 

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (28 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,837.56 จุด ลดลง 64.36 จุด หรือ -0.14%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,389.77 จุด เพิ่มขึ้น 1.13 จุด หรือ +0.02% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,178.58 จุด เพิ่มขึ้น 70.27 จุด หรือ +0.33%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลบวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 40,767.77 จุด ลดลง 230.50 จุด หรือ -0.56%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 25,454.83 จุด ลดลง 107.30 จุด หรือ -0.42% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,595.81 จุด ลดลง 2.13 จุด หรือ -0.06%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (25 ก.ค.) 1,217.15 จุด เพิ่มขึ้น 4.66 จุด (+0.38%) มูลค่าซื้อขาย 36,910.98 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (25 ก.ค.) 271.82 ล้านบาท

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. (28 ก.ค.) เพิ่มขึ้น 1.55 ดอลลาร์ หรือ 2.38% ปิดที่ 66.71 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (25 ก.ค.) อยู่ที่ 3.31 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 32.44 อ่อนค่าตามภูมิภาค หลังสหรัฐฯ ดีลภาษีกับยุโรปสำเร็จ ดันดอลลาร์แข็งค่า

– “ไทย-กัมพูชา” หารือร่วมกันที่มาเลเซียหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข พร้อมนัดประชุมแม่ทัพทันทีวันนี้ ปูทางประชุมจีบีซี 4 ส.ค. “ภูมิธรรม” หวังสำเร็จด้วยความสุจริตใจทั้ง 2 ฝ่าย “ฮุนมาเนต” หวังความสัมพันธ์กลับมาปกติ “นักวิชาการ” จับตาเวทีเจรจาหลังหยุดยิง เผย 2 ท่าทีไทยประชุมระดับแม่ทัพวันนี้ ปมถอยทหาร-เปิดด่านต้องทำพร้อมกัน ให้อาเซียนมาร่วมตรวจสอบ

– “ภาคเอกชน” ลุ้นระทึกเจรจาภาษีไทย-สหรัฐ ชี้หากไม่ได้ข้อสรุปจะทำให้สินค้าที่ไปถึงท่าเรือสหรัฐตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.ถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น 36% เสียเปรียบคู่แข่งในภูมิภาค “เวียดนาม-อินโดฯ-ฟิลิปปินส์” แนะรัฐบาลเสนอสหรัฐยืดเวลาผ่อนผันภาษี

– กพท.ชี้ค่า “PSC” ไทยต่ำกว่าสนามบินชั้นนำ พ่วงเก็บค่า Transit เดินหน้าศึกษาผลกระทบ เตรียมชง กบร.ไฟเขียว หวังนำรายได้ลงทุนยกระดับมาตรฐานสนามบิน “World Class Airport” ดันไทยฮับการบิน

– คลังเดินเครื่องถก ‘ท่องเที่ยว’ เล็งผุดมาตรการด้านภาษีกระตุ้นเพิ่ม หวังบูสต์ช่วงก่อน High Season จ่อปักหมุดเดือน ส.ค.-ก.ย.นี้ ฟุ้งรัฐบาลเร่งเพิ่มประสิทธิภาพ-ปรับวิธีการดูแลความปลอดภัย ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ

 

หุ้นเด่นวันนี้

 

– SAV (ฟินันเซีย ไซรัส)”เก็งกำไร” ราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus 20.94 บาท ระยะสั้นคาดได้ Sentiment บวกหนุนฟื้นตัวหลังไทย-กัมพูชาตกลงหยุดยิง ขณะที่ธุรกิจไม่ได้ถูกกระทบ ตลาดคาดกำไรไตรมาส 2/68 ราว 126 ลบ. ชะลอตัว -11% q-q แต่ยังเติบโตดี +8% y-y ยังได้อานิสงส์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในภูมิภาค ราคาหุ้นปรับตัวลงทำให้ปัจจุบันเทรด 2025PER ราว 13.9 เท่า และคาด Dividend Yiled ราว 4-5% ต่อปี

– OSP (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 20 บาท มองเชิงบวกแนวโน้มของกำไรไตรมาส 2/68 จะเติบโตขึ้น YoY และ QoQ จากอัตรากำไรขั้นต้นสูงเป็นประวัติการณ์หนุนโดยยอดขายส่งออกและผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลมากขึ้น ประกอบกับ ยอดขายเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศหลัง destocking จบลงในเดือนเมษายน ขณะเดียวกัน ยอดขายจะฟื้นตัวในแต่ละไตรมาสครึ่งปีหลัง โดยเครื่องดื่มในประเทศจะกลับมาบวกทั้ง YoY และ QoQ เมื่อเริ่มแคมเปญใหม่ราคา 12 บาท โฆษณาในครึ่งแรกมีน้อยลงเนื่องจากเน้นการเปิดตัว Yellow Cap

– CBG (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 68.00 บาท คาดแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/68 ยังเติบโตได้ทั้ง q-q และ y-y แต่ยังคงต้องติดตามภาพรวมใน H2/68 ที่ภาวะการแข่งขันยังค่อนข้างรุนแรงในเครื่องดื่มชูกำลัง ความคืบหน้าล่าสุดทางไทยและกัมพูชาตกลงหยุดยิง คาดกระตุ้นจิตวิทยาเชิงบวกมากขึ้นหลังช่วงระยะสั้นราคาหุ้นตอบรับเชิงลบกับประเด็นนี้กว่า 10%

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ก.ค. 68)