
PTTEP บวก 3.45% เพิ่มขึ้น 4.00 บาท มาที่ 120.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 359.09 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.00 น. จากราคาเปิด 120.00 บาท ราคาสูงสุด 121.00 บาท และราคาต่ำสุด 119.50 บาท
บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุว่า บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม [PTTEP] แจ้งผลประกอบการไตรมาส 2/68 กำไรอ่อนตัวตามคาด แต่แนวโน้มปริมาณขายไตรมาส 3/68 สูงขึ้นต่อ
ขณะที่ PTTEP แจ้งว่า บริษัท พีทีทีอีพี จอยท์ ดีเวลลอปเมนท์ เอสจี จำกัด (PTTEP JD) บริษัทย่อย ได้ลงนามในสัญญาซื้อขาย (SPA) กับบริษัท Hess (Bahamas) Limited และ Hess Asia Holdings Inc. เพื่อเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดในบริษัท Hess International Oil Corporation (HESS) ซึ่งเป็นผู้ถือสัดส่วน 50% ในแปลง A-18 ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (MTJDA) ด้วยมูลค่าซื้อขาย 450 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมูลค่าดังกล่าวจะมีการปรับมูลค่าตามเงื่อนไขในสัญญา
ทั้งนี้ แปลง A-18 เป็นโครงการผลิตก๊าซธรรมชาติและคอนเดทเสท ปัจจุบันผลิตก๊าซธรรมชาติประมาณ 600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน (mmscfd) ส่งให้แก่ประเทศไทยและประเทศมาเลเซียในสัดส่วนที่เท่ากัน (ประเทศละ 300 mmscfd) เพื่อรองรับความต้องการพลังงานให้แก่ทั้งสองประเทศ
ขณะเดียวกัน PTTEP แจ้งว่า บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (PTTEP ED) อีกบริษัทย่อยลงนามในสัญญาการลดสัดส่วน (farm-out agreement) เพื่อโอนสัดส่วนการลงทุน 40% ในโครงการ G1/65 และโครงการ G3/65 ให้แก่ บริษัท แวลูร่า เอ็นเนอร์ยี่ (ชัยพฤกษ์) จำกัด (บริษัทย่อยของบริษัท Valeura Energy)
เรามีมุมมองเป็นบวกต่อธุรกรรมที่แสดงถึงกลยุทธ์ของ PTTEP ที่เน้นการลงทุนในประเทศเป้าหมาย และโครงการที่สร้างกระแสเงินสดได้ทันที ประเมินว่าแปลง A-18 จะช่วยเพิ่มปริมาณขายให้กับ PTTEP ได้ประมาณ 17 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน (kboed) (ประมาณ 3.3% ของปริมาณขายรวมในไตรมาส 2/68)
อย่างไรก็ดี ในเบื้องต้นเรายังไม่ได้รวมโครงการนี้เข้ามาในประมาณการกำไรของเรา และเรายังคงประมาณกำไรปี 68 ที่ 6.32 หมื่นล้านบาท เทียบกับ 7.88 หมื่นล้านบาทในปี 67 ตามสมมติฐานราคาขายเฉลี่ย (blended ASP) ที่ปรับสู่ระดับปกติมากขึ้น คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 68 ที่ 130.00 บาท อิงวิธี DCF (WACC 6.7%, TG 0%) จาก valuation ที่น่าสนใจและอัตราตอบแทนเงินปันผลที่แข็งแกร่ง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ก.ค. 68)