
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกัมพูชายังปะทะต่อเนื่องเมื่อคืนนี้ แม้มีข้อตกลงหยุดยิงระหว่าง 2 ผู้นำไทยและกัมพูชา ว่า อาจมีบางส่วนที่ยังไม่สามารถสื่อสารได้ทั้งหมด เพราะชายแดนยาว 800 กิโลเมตร เดิมที่เคยคุยกันว่าจะหยุดยิงในเวลา 18.00 น. ได้ขยายไปถึงเที่ยงคืน จึงมีการคุยกันว่าเที่ยงคืนให้มีการสื่อสารตลอดแนว ซึ่งกองทัพไทยค่อนข้างมีวินัย ส่วนของเขาถ้าไม่ใช่ความตั้งใจ ก็เป็นเรื่องทหารไม่มีวินัย ส่วนของไทยทำหน้าที่เต็มที่และถูกต้องแล้ว ซึ่งในอนาคตต้องคุยกันต่อไปว่าลักษณะที่ไม่สามารถทำแบบนี้ได้คืออะไร ที่สำคัญเราได้เลื่อนให้ทั้ง 2 ฝ่าย คือแม่ทัพภาค ได้หยุดยิงชัดเจนมากขึ้นแล้ว
นายภูมิธรรม กล่าวว่า การเจรจาว่าจะหยุดยิงอย่างไม่มีเงื่อนไข หมายความว่าจบครั้งแรก แต่รายละเอียดต้องมีการพูดคุย ทั้ง GBC, RBC และ JBC เพื่อให้ได้ข้อยุติ ขอยืนยันว่าการคุยครั้งนี้ เราได้นำเอาข้อเสนอของทางกองทัพบกทั้งหมด ใส่ไปในแถลงการณ์พูดคุยทั้งหมด และเป็นที่ยอมรับ
“วันนี้ ผมจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เราจะดูแลกำลังพลทั้งหมดที่เกิดเหตุการณ์เป็นพิเศษ ซึ่งจะได้คุยกันต่อ อย่างน้อยที่สุดก็เป็นประสบการณ์ให้ได้เห็นว่า คำถามที่ว่าทหารมีไว้ทำไม ชัดเจนถ้าไม่มีทหารก็จะแย่มากกว่านี้ ผมคิดว่าเวลาพูดถึงเรื่องอย่างนี้ ต้องพูดบนพื้นฐานความเป็นจริง เพราะการปกป้องประเทศมันไม่ได้เกิดขึ้นตลอดเวลา มันไม่ชัดเจนว่าจะเกิดขึ้นตรงนั้นตรงนี้ทั้งปี มันเป็นเรื่องของภาวะกำลังทหาร ต้องอยู่ในฐานะความพร้อมที่จะปกปักรักษาประเทศได้ ต้องขอบคุณจริง ๆ ทุกแนวรบ ที่ได้พูดคุยกันทหารหาญของเราทำหน้าที่อย่างเคร่งครัด เป็นทหารที่มีวินัยมาก ๆ ต้องให้กำลังใจทหารหาญของประเทศ ส่วนผู้ที่สูญเสียเราจะดูแลอย่างดี เต็มที่” นายภูมิธรรม กล่าว
ส่วนจากนี้จะมีการคุยระดับผู้นำอีกหรือไม่ หรือให้ระดับแม่ทัพพูดคุยกันเอง นายภูมิธรรม กล่าวว่า มอบอำนาจชัดเจนให้กองทัพ เพราะอยู่ในส่วนของการปฏิบัติหน้าที่ส่วนหน้า แต่เราประสานงานกัน ซึ่งรมว.กลาโหมกัมพูชา ก็เพิ่งโทรศัพท์มา ซึ่งตนจะประสานให้ไปคุยกับกองทัพต่อ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงก่อนไปเจรจา นายภูมิธรรมได้ให้สัมภาษณ์ว่าก่อนหยุดยิง ต้องให้กัมพูชาแสดงความจริงใจด้วยการปรับกำลังออก รวมถึงเอาอาวุธหนักทั้งหมดออกจากพื้นที่ ขณะที่นายฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชา บอกว่าถ้าจะหยุดยิง ต้องไม่มีเงื่อนไขเลย โดยสื่อตั้งคำถามว่า เมื่อวานนี้ไปพูดคุยอย่างไรถึงเข้าเงื่อนไขของนายฮุน มาเนต นายภูมิธรรม กล่าวว่า สิ่งที่เราพูดว่าการหยุดยิง คือ การที่ทำให้กระบวนการดำเนินการยุติลง ไม่ได้แปลว่าทั้งหมดจบแล้ว
“การหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข คือ ให้ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกันว่าจะหยุดยิงเมื่อไร กระบวนการหลังจากนั้น ได้กำหนดแล้วว่าให้ไปคุยตามกลไก นั่นคือรายละเอียดที่กองทัพจะไปเจรจาว่าแค่ไหน อย่างไร” รักษาการนายกรัฐมนตรี กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า แสดงว่าไม่ได้มีการหยุดยิงอย่างแท้จริง นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็ต้องไปตามขั้นตอน แบบนี้จะกลายเป็นว่าเราระหองระแหงกัน ต้องคำนึงถึงว่าขณะนี้เราให้นานาประเทศ ประชาคมโลกเข้ามาดูแลแล้ว เข้ามาสังเกตการณ์ว่าวันนี้หยุดยิง ถ้าทุกอย่างหยุด มีการเจรจา ซึ่งการหยุดยิงเป็นมาตรฐานที่เราอยากขอให้มีการคุยทั้งหมด ขณะนี้ยังไม่มีอะไรที่กระทบกระเทือนกับประเทศ เพราะเท่าที่เราได้รับได้รับรายงานมาโดยตลอด เรายังยึดมั่นและรักษาอธิปไตยของประเทศได้
ทั้งนี้ มีการมองว่าดูเหมือนฝ่ายการเมืองโยนภาระและหน้าที่ทุกอย่างไปให้กองทัพในหน้างานนั้น นายภูมิธรรม สวนกลับทันทีว่า “พูดแบบนี้ เหมือนจะให้การเมืองทะเลาะกับฝ่ายทหาร ผมคิดว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้น มีการคุยกันตลอด แม้จะไปเจรจาก็คุยกันว่าแค่ไหนอย่างไร ดังนั้น ไม่ใช่การโยน แต่ทางกองทัพอยากใช้เงื่อนไขที่อยู่หน้างานมาคุย เราจึงต้องการให้หน่วยทหารได้ไปคุย ตัดสินใจ ประสานงาน ไม่ใช่การโยนภาระ ถ้ามานั่งพิจารณาตรงนี้โดยที่ในพื้นที่เห็นอะไรที่แตกต่าง มันก็จะเป็นปัญหาอีก ยืนยันว่ามีการทำงานร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพของกองทัพทั้งหมด ทั้งกระทรวงกลาโหม 4 เหล่าทัพ และรัฐบาล” นายภูมิธรรม กล่าว
เมื่อถามว่า หลักการที่จะไปเจรจาเพื่อให้หยุดยิงนั้น ต้องให้กัมพูชาถอนอาวุธออกไป ไทยต้องไปด้วยการยื่นเงื่อนไขเจรจา 1,2,3 รับ แต่ไทยไปรับเงื่อนไขกัมพูชามานั้น นายภูมิธรรม พยายามจะสะกดอารมณ์ พร้อมตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “พูดแบบนี้ ก็เหมือนกับไม่เข้าใจสิ่งที่ทำและพูดมา”
นายภูมิธรรม ย้ำว่า ไทยยืนยันแล้วว่า ถ้าอยู่ ๆ ไปคุยเงื่อนไข มันจะไม่จบ ในขณะที่การยิง ก็ทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ทั้งทหารและประชาชน
“ดังนั้น เงื่อนไขที่คุยครั้งแรกคือต้องหยุดยิงก่อน ต้องระงับความเสียหายที่เกิดขึ้น หลังจากนั้น อยากทำความเข้าใจว่าสิ่งที่เราทำทั้งหมด ไม่ได้สนองความสะใจใคร แต่เราระมัดระวังที่จะยุติความเสียหายต่อชีวิตของพลเมืองที่เกิดขึ้น หลังจากหยุดแล้วเป็นเรื่องเจรจา ถ้าจะเจรจาไม่ได้ ค่อยว่ากันใหม่ ถ้าเริ่มต้นจากการตั้งคำถามแบบนี้ มันไม่หยุดหรอก คนที่ตาย คนที่เสียหาย คือ ประชาชนแสนกว่าคน และทหารที่เสียชีวิต อยากใช้สติในการพิจารณา การที่ทำแบบนี้คือการยุติความเสียหายหลาย ๆ อย่างที่จะเป็นเงื่อนไขในการคุยกัน” นายภูมิธรรม กล่าว
เมื่อถามต่อว่า ในส่วนของพื้นที่เรียกร้องความเสียหายจากกัมพูชา ในฐานะอาชญากรสงคราม นายภูมิธรรม กล่าวว่า นั่นเป็นเงื่อนไขการหยุดยิง คือการยุติไม่ให้เกิดความเสียหายไปมากกว่านี้ ซึ่งเรื่องนี้ต้องคุยกันในระดับทวิภาคี ไม่ได้ต้องการให้ประเทศอื่นเข้ามา แต่ประเทศอื่นจะเป็นผู้สังเกตการณ์ เป็นพยานในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะนี้ปัญหาต่อไป คือการคุยกันโดยไม่มีเสียงปืนที่ทำลายไปทุกวัน การคุยกันในขณะที่มีการยิงกัน ไม่มีใครเขาทำได้ จะทำให้ความสูญเสียของประชาชนชายแดนได้รับผลกระทบ
ทั้งนี้ จากที่ตนไปเยี่ยมพื้นที่พบว่าประชาชนไม่สบายใจ แม้รัฐบาลจะดูแลเรื่องอาหารการกิน ที่พักอาศัย แต่เขาก็คิดถึงบ้าน คิดถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นถ้ายิงกันต่อไป จะมีแต่ซากปรักหักพังเหมือนยูเครนกับรัสเซีย ซึ่งในหลายเหตุการณ์ก็จบแบบนี้ไปก่อน ส่วนจบแล้วจบเลยหรือไม่ ต้องไปดูกันในรายละเอียด ส่วนการเดินหน้าเอาผิดกัมพูชา รอให้คุยกัน ใครทำอะไรไว้ก็คงต้องรับผล
เมื่อผู้สื่อข่าวถามอีกว่า จะคุยอย่างไรเมื่อรัฐบาลไปเจรจา ไม่มีเงื่อนไขอะไรเลย นายภูมิธรรม ตอบว่า “ผมถือเงื่อนไขกองทัพบกไป 6 ข้อ กองทัพบกทราบ ให้ไปถามดู”
ส่วนการถอนอาวุธออกจากพื้นที่ชายแดน การปรับกำลังพล และเรียกร้องให้กัมพูชารับผิดชอบที่ยิงประชาชน ได้ยื่นเงื่อนไขไปหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า กองทัพบกได้เสนอในเงื่อนไขที่เรารับได้ และการเจรจากันในที่ประชุม รักษาการรัฐมนตรีกลาโหมก็อยู่ด้วย ซึ่งที่ประชุมก็ยอมรับเงื่อนไข 6-7 ข้อ ที่กองทัพเสนอมาอยู่ในนั้นหมด
ส่วนเป็นเพราะรัฐบาลกดดัน เอาเรื่องการเจรจาภาษีสหรัฐฯ ไปผูกคอกองทัพหรือไม่ นายภูมิธรรม ถามกลับอย่างมีอารมณ์ว่า “นี่ท่านทำหน้าที่สื่อ ที่จะถามผมเพื่อให้ได้ข้อความ หรือถามเอาประเด็นที่ท่านเชื่อมั่นมากดดันผม ผมพอแล้วครับ ผมไม่คุยด้วย”
จากนั้นนายภูมิธรรม ได้เดินขึ้นตึกบัญชาการไปทันที ขณะที่ผู้สื่อข่าว ยังตะโกนถามต่อว่า ขอให้ท่านมาชี้แจงต่อว่าจริงหรือไม่เกี่ยวกับเรื่องภาษีทรัมป์ ทำให้ท่านตัดสินใจแบบนี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ก.ค. 68)