บอร์ด กสทช.ตีตกเพิ่ม “บทลงโทษ” ค่ายมือถือหากขยายโครงข่ายไม่ครบใน 5 ปี

รายงานข่าวจากที่ประชุมคณะกรรมการ กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) แจ้งว่า ที่ประชุม กสทช.ตีตกข้อเสนอเพิ่มบทลงโทษ ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตไม่สามารถขยายโครงข่ายให้ครอบคลุมประชากรในพื้นที่ต่าง ๆ ได้ตามที่ระบุไว้ในเวลา 5 ปี พร้อมเสนอให้ระบุอัตราค่าปรับรายวันอย่างชัดเจน

สำหรับเงื่อนไขที่จะเพิ่มนั้นมีเนื้อหาว่า หากผู้ได้รับใบอนุญาตไม่สามารถดำเนินการให้บริการได้ครอบคลุมมากกว่า 90% ของประชากรในแต่ละตำบลภายในระยะเวลา 5 ปี จะต้องชำระ “ค่าปรับรายวัน” ในอัตรา 0.05% ของราคาประมูลสูงสุด ตลอดช่วงเวลาที่ล่าช้า ซึ่งเป็นแนวทางที่เคยใช้มาแล้วในช่วงปี 2555–2562 แต่ไม่ได้ระบุในประกาศล่าสุดปี 2568 แม้ท้ายประกาศจะเปิดทางให้คณะกรรมการสามารถเพิ่มภายหลังได้

ผลการลงมติในที่ประชุมบอร์ด กสทช. ไม่เป็นเอกฉันท์ โดยมีกรรมการเพียง 3 ราย ที่ลงคะแนนเห็นชอบให้เพิ่มเงื่อนไข นางพิรงรอง รามสูต , นายศุภัช ศุภชลาศัย และพล.อ.ท. ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ

ขณะที่กรรมการอีก 4 คน งดออกเสียง ประกอบด้วย นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. , พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร , นายต่อพงศ์ เสลานนท์ และนายสมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ เมื่อผลการลงมติไม่ถึงครึ่งของกรรมการทั้งหมด จึงไม่สามารถผ่านมติให้เพิ่มเงื่อนไขแนบท้ายได้

ทั้งนี้ นายสมภพให้เหตุผลว่า กฎหมายเดิมเปิดช่องให้ กสทช. ดำเนินการทางปกครองหรือเพิ่มบทลงโทษได้อยู่แล้ว หากผู้ได้รับใบอนุญาตไม่ปฏิบัติตาม ขณะที่กรรมการบางรายเตรียมส่งคำชี้แจงเพิ่มเติมเป็นลายลักษณ์อักษรในภายหลัง

ทั้งนี้ ในการประมูลคลื่นความถี่ที่ผ่านมา ผู้ได้รับใบอนุญาตจากการประมูล ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) ได้คลื่นย่าน 2100MHz จำนวน 3 ชุด รวมมูลค่า 14,850 ล้านบาท

ส่วนบริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (TUC) ได้คลื่นย่าน 2300MHz จำนวน 7 ชุด มูลค่า 21,770 ล้านบาท และคลื่น 1500MHz จำนวน 4 ชุด มูลค่า 4,653 ล้านบาท

อนึ่ง กสทช. จะมีนโยบายควบคุมอัตราค่าบริการขั้นสูง (net tariff cap) และค่าบริการเสริม (VAS) อย่างเข้มงวด แต่การตีกลับข้อเสนอเพิ่มบทลงโทษในใบอนุญาต อาจส่งผลต่อความมั่นใจของภาคประชาชนในการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคในระยะยาว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ก.ค. 68)