หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งพักฐาน ลุ้นผลเจรจาภาษีสหรัฐฯ-เฟดส่งสัญญาณไม่เร่งลดดอกเบี้ย

นักวิเคราะห์ฯ เผยแนวโน้มตลาดหุ้นเช้านี้คาดแกว่งไซด์เวย์พักฐาน รอข้อสรุปการเจรจาการค้าไทย-สหรัฐฯ ก่อนถึงเส้นตาย รวมถึงมีปัจจัยราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง และภาพรวมการรายงานงบฯ ไตรมาส 2/68 ของบจ.ไทยที่ออกมาดีกว่าคาด แต่ต้องระวัง fund flow ไหลออก โดยดอลลาร์แข็งค่าขึ้นค่อนข้างเร็ว หลังเฟดมีมติคงดอกเบี้ย และประธานเฟดไม่ส่งสัญญาณว่าจะลดดอกเบี้ย รวมทั้งตัวเลขจีดีพีสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด แนวโน้มตลาดวันนี้ ให้ติดตามสถานการณ์การเจรจาการค้าไทย-สหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด รวมถึงติดตามการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจไทยจากแบงก์ชาติ ตัวเลข PMI จีน และ PCE สหรัฐฯ โดยให้กรอบแนวรับบวก/ลบ 1,235 จุด แนวต้าน 1,250 จุด แนวต้านถัดไป 1,260 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นเช้านี้คาดแกว่งไซด์เวย์พักฐาน รอความคืบหน้าการเจรจาการค้าของไทย-สหรัฐฯ ซึ่งเหลือเวลาไม่มากแล้วก่อนมาตรการภาษีมีผล รวมถึงวันนี้ก็มีปัจจัยจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดย WTI ดีดตัวขึ้นจ่อทะลุระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรลในวันนี้ และภาพรวมการรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/68 ของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดีกว่าคาด และมีการจ่ายเงินปันผล

ในขณะเดียวกัน ก็ต้องระวังกระแสเงินลงทุนต่างชาติไหลออก โดยดอลลาร์แข็งค่าขึ้นค่อนข้างเร็ว หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติคงดอกเบี้ยไว้ และประธานเฟดเองก็ไม่ส่งสัญญาณว่าลดดอกเบี้ยสำหรับเดือนก.ย. และรวมทั้งตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/68 ของสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด

แนวโน้มตลาดวันนี้ ให้ติดตามสถานการณ์การเจรจาการค้าของไทยกับสหรัฐฯ ว่าจะได้ข้อสรุปอย่างไร รวมถึงติดตามการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจไทยจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนก.ค.จากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมิ.ย. ของสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญสำหรับการตัดสินของเฟดว่าจะลดดอกเบี้ยหรือไม่

โดยให้กรอบแนวรับ 1,235 จุด และแนวต้าน 1,250 จุด ถ้าหากผ่านไปได้ ให้แนวต้านถัดไป 1,260 จุด

ประเด็นพิจารณาลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (30 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,461.28 จุด ลดลง 171.71 จุด หรือ -0.38%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,362.90 จุด ลดลง 7.96 จุด หรือ -0.12% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,129.67 จุด เพิ่มขึ้น 31.38 จุด หรือ +0.15%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลบวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 40,693.00 จุด เพิ่มขึ้น 38.30 จุด หรือ +0.09%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 24,982.87 จุด ลดลง 194.06 จุด หรือ -0.77%, ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,604.70 จุด ลดลง 11.02 จุด หรือ -0.30%
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (30 ก.ค.) 1,244.14 จุด เพิ่มขึ้น 10.46 จุด (+0.85%) มูลค่าซื้อขาย 54,670.81 ล้านบาท
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (30 ก.ค.) 262.38 ล้านบาท
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. (30 ก.ค.) เพิ่มขึ้น 79 เซนต์ หรือ 1.14% ปิดที่ 70 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (30 ก.ค.) อยู่ที่ 2.07 เหรียญ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.73 แนวโน้มผันผวน รอลุ้นผลเจรจาภาษี “ทรัมป์”-สถานการณ์การเมือง
  • “ไทย” ลุ้นระทึกผลเจรจา ภาษีทรัมป์ สหรัฐส่ง Final draft ให้ไทยตรวจเรียบร้อยแล้ว “จตุพร” มั่นใจสรุปทันเส้นตาย 1 ส.ค.ได้อัตราใกล้เคียงภูมิภาค “ส.อ.ท.-หอการค้า” ลุ้นภาษีทรัมป์ 19-20% ชี้มีสัญญาณดี หลังไทยโชว์สปิริตหยุดยิงชายแดน สรท.ชี้อัตราใกล้เคียงภูมิภาคส่งผลดี ต่อการส่งออกรักษาตลาดสหรัฐได้ สศค.เพิ่ม จีดีพีไทยเป็น 2.2% มั่นใจไทยได้อัตราภาษีทิศทางเดียวกับประเทศอื่น
  • “พีระพันธุ์” เผยหารือ กฟผ.เพื่อลดค่าไฟงวด ก.ย.-ธ.ค. 68 ซึ่งเป็นงวดสุดท้ายของปี ได้ข้อสรุปจะปรับลดลงอีก อยู่ที่ประมาณ 3.95 บาท/หน่วย เตรียมแจ้ง กกพ.ประกาศกำหนดต่อไป
  • ที่ประชุมบอร์ดอีวี เห็นชอบให้กรมสรรพสามิต ปรับเงื่อนไขการคำนวณจำนวนยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตชดเชยภายใต้มาตรการอีวี 3 และอีวี 3.5 โดยให้ผลิต 1 คัน นับเป็นการผลิตชดเชย 1.5 คัน สำหรับยานยนต์ที่ผลิตและส่งออกไปต่างประเทศ ตั้งแต่ปี 68 ตามข้อเสนอของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าขยายตลาดส่งออก คาดว่าจะทำให้การส่งออกยานยนต์ไฟฟ้า เพิ่มขึ้นเป็นประมาณปีละ 12,500 คัน ในปี 68 และ 52,000 คัน ในปี 69
  • “ต่างชาติ” พลิกซื้อสุทธิ หุ้นไทย 1.58 หมื่นล้าน ครั้งแรกรอบเดือน 20 เดือน หลังเจรจาภาษีสหรัฐการเมืองคลายตึงเครียด “บล.เอเซีย พลัส” ส่องเดือนส.ค. ฟันด์โฟลว์ยังทยอย ไหลเข้าต่อ จ่อรับสารพัดหลายปัจจัยหนุนเห็นเข้ากลุ่ม Value 10 หุ้นต่างชาติซื้อสูงสุด “บล.กสิกรไทย-บล.บัวหลวง” ลุ้นภาษีทรัมป์ปิดดีลใกล้ 20% ชี้ต่างชาติยังซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง
  • สศอ. เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เอ็มพีไอ) เดือนมิ.ย. 2568 อยู่ที่ระดับ 97.35 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.58% ซึ่งเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเดือนที่ 3 อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 59.58% ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ระดับ 96.75 ขยายตัว 1.47% สะท้อนว่าภาคอุตสาหกรรมกลับมาผลิตเพิ่มขึ้น

หุ้นเด่นวันนี้

  • GFPT (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 13.40 บาทเรามีมุมมองเชิงบวกต่อ GFPT จากตัวเลขของการส่งออกของไก่สดและแช่แข็งในเดือน มิ.ย. เติบโตขึ้น 15.8% YoY หนุนโดยปริมาณการส่งออกที่เติบโตขึ้น ในขณะเดียวกันแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/68 แข็งแกร่งคาดที่ 591 ลบ. เพิ่มขึ้น 1.4% YoY หนุนโดยอัตรากำไรขั้นต้นแต่ลดลง 7.4% QoQ จากกำไรส่วนแบ่งจากบริษัทร่วม (JV) ที่ลดลงแต่แนวโน้มครึ่งหลังปี 2568 คาดว่าราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นประมาณ 6% สำหรับตลาดยุโรป และต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องจะเป็นปัจจัยหลักที่สนับสนุนความสามารถการทำกำไรที่แข็งแกร่งในไตรมาส 3/68 และราคากากถั่วเหลืองเฉลี่ยในช่วงต้นเดือนก.ค. 2568 อยู่ที่ 15.6 บาท/กก. ลดลง 6.1% จากราคาเฉลี่ยในไตรมาส 2/68
  • PLANB (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 7.25 บาท คาดกำไรไตรมาส 2/68 เติบโตทั้ง YoY และ QoQ รายได้ในส่วนของสื่อโฆษณานอกบ้านยังเติบโตโดยมี utilization rate ปรับตัวดีขึ้นที่ 72% จาก 68%ใน 1Q68 ส่วนกำไรครึ่งปีหลังแนวโน้มยังเป็นบวกเนื่องจากมีรายได้ค่าบริหาร VGI และรายได้บริหารสิทธิ์ฟุตบอล Premier League เข้ามาหนุน IAA consensus คาดกำไรปี 68 ที่ 1,154 ลบ. +10%YoY
  • CPALL (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 65 บาท คาดกำไรไตรมาส 2/68 ยังเติบโตแข็งแกร่งที่ 6.9 พันลบ. -4% q-q แต่ยัง +12% y-y โดยแม้รายได้จะเติบโตไม่ได้สุงมากนักที่ +1.4% q-q, +3.4% y-y แต่ยังคงได้แรงหนุนจาก Margin ที่ยังแข็งแกร่งจากสินค้าอาหารและเครื่องดื่มพร้อมทานที่เติบโตดี ราคาหุ้น CPALL ยัง Laggard โดย +10% เทียบกับ SET ที่ +17% นับตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. ที่ SET เป็นขาขึ้น ส่วน YTD ราคาหุ้น CPALL –15% เทียบกับ SET ที่ –11% เรามองว่ามีโอกาสฟื้นตัวตามดัชนี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ก.ค. 68)