
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ลงนามในคำสั่งในวันพุธ (30 ก.ค.) เพื่อเรียกเก็บภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์ทองแดงบางรายการ เช่น ท่อทองแดง สายไฟ แท่งทองแดง สายเคเบิล ขั้วต่อ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ในอัตรา 50% โดยจะเริ่มตั้งแต่ 1 ส.ค. ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องการผลิตของสหรัฐฯ
คำสั่งดังกล่าวที่ทรัมป์เป็นผู้ลงนามระบุว่า ภาษีชุดใหม่จะถูกเรียกเก็บจากผลิตภัณฑ์ทองแดงกึ่งสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์แปรรูปที่ใช้ทองแดงปริมาณมาก โดยอ้างเหตุผลเกี่ยวกับข้อกังวลด้านความมั่นคง
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ทรัมป์กล่าวในช่วงต้นเดือนก.ค. ว่า เขาจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าทองแดงในอัตรา 50% แต่ไม่ได้ให้รายละเอียด หลังจากที่คณะทำงานของโฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้ส่งผลการสอบสวนที่เกี่ยวข้องและข้อเสนอแนะให้กับเขาแล้ว
ทรัมป์ได้กำชับให้ลุตนิกดำเนินการตรวจสอบว่าจำเป็นต้องมีการเรียกเก็บภาษีนำเข้าทองแดงหรือไม่ โดยทองแดงเป็นวัสดุสำคัญที่ใช้ในฮาร์ดแวร์ทางทหารและผลิตภัณฑ์พลังงานสะอาด เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า
นอกจากนี้ ประกาศดังกล่าวยังให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในการดำเนินการต่าง ๆ เช่น การกำหนดให้เศษทองแดงคุณภาพสูงที่ผลิตในประเทศ 25% ต้องถูกขายภายในประเทศด้วย เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมทองแดงของสหรัฐฯ
ขณะที่ความต้องการทองแดงทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น การพึ่งพาการนำเข้าของสหรัฐฯ จึงเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แม้ครั้งหนึ่งสหรัฐฯ จะเคยเป็นผู้ผลิตโลหะชั้นนำก็ตาม โดยข้อมูลของทำเนียบขาวเผยให้เห็นว่า การใช้ทองแดงนำเข้าของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากเกือบ 0% ในปี 2534 มาเป็น 45% ของการบริโภคในปี 2567
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า ทรัมป์ยอมรับว่าการพึ่งพาทองแดงจากต่างประเทศมากเกินไปในทุกรูปแบบอาจส่งผลให้ศักยภาพทางทหาร การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และนวัตกรรมทางเทคโนโลยีของประเทศเผชิญกับความเสี่ยง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ก.ค. 68)