ซัมซุงเผยกำไรสุทธิ Q2/68 ร่วงเกือบครึ่ง หลังธุรกิจชิปอ่วมหนัก

ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ (Samsung Electronics) ยักษ์ใหญ่วงการเทคโนโลยีระดับโลกจากเกาหลีใต้ เปิดเผยในวันนี้ (31 ก.ค.) ว่า ผลกำไรสุทธิของบริษัทร่วงลงเกือบ 50% ในไตรมาส 2/2568 เนื่องจากธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์มีกำไรต่ำที่สุดในรอบกว่าหนึ่งปี อันเนื่องมาจากความต้องการชิปหน่วยความจำแบนด์วิดท์สูง (HBM) ที่ซบเซา

ซัมซุงเปิดเผยในเอกสารที่ยื่นต่อหน่วยงานกำกับดูแลว่า ผลกำไรสุทธิของบริษัทในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย. อยู่ที่ 5.11 ล้านล้านวอน (3.7 พันล้านดอลลาร์) ลดลง 48% จาก 9.84 ล้านล้านวอนในช่วงเดียวกันของปีก่อน และยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 7.29 ล้านล้านวอน

ส่วนผลกำไรจากการดำเนินงานลดลงถึง 55.2% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 4.67 ล้านล้านวอน ขณะที่รายได้รวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.7% แตะ 74.56 ล้านล้านวอน

ธุรกิจชิปของซัมซุงมีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 4 แสนล้านวอนในไตรมาสที่ 2/2568 ซึ่งถือว่าต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4/2566 ที่เคยขาดทุนจากการดำเนินงานถึง 2 ล้านล้านวอน ถึงแม้กำไรจะลดลง แต่ยอดขายชิปกลับเพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบรายปี แตะ 27.9 ล้านล้านวอน โดยได้แรงหนุนจากความต้องการชิปสำหรับเซิร์ฟเวอร์ระดับพรีเมียมและคำสั่งผลิตชิปแบบรับจ้างเพิ่มขึ้น

ส่วนหน่วยธุรกิจ Device eXperience (DX) ซึ่งครอบคลุมกลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ โทรทัศน์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน มียอดขายลดลง 16% เมื่อเทียบรายปี แตะ 43.6 ล้านล้านวอน ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด ขณะที่มีกำไรจากการดำเนินงานแตะ 3.3 ล้านล้านวอน

ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์หลายฝ่ายคาดว่ากำไรของซัมซุงจะลดลงกว่าครึ่ง ท่ามกลางการแข่งขันแย่งส่วนแบ่งตลาดชิป AI กับคู่แข่งอย่าง เอสเค ไฮนิกซ์ (SK Hynix)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ก.ค. 68)