เงินบาทเปิด 32.74 อ่อนค่าตามภูมิภาค หลังภาษีสหรัฐฯชัดเจนปิดดีลหลายประเทศ

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 32.74 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าต่อ เนื่องจากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 32.65 บาท/ดอลลาร์ หลังดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุน จากความชัดเจนเรื่องการเจรจาการค้าของสหรัฐฯ กับประเทศต่าง ๆ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศออกมาเมื่อคืนดีกว่าตลาดคาดการณ์ ไว้

“บาทปรับตัวอ่อนค่าตามทิศทางตลาดโลกหลังดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่า ส่วนผลเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ที่อัตราภาษีของไทยออก มาสอดคล้องกับภูมิภาคนั้นตลาดตอบรับไปแล้ว” นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 32.65 – 32.85 บาท/ดอลลาร์

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 150.68 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 149.63 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1423 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.1440 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคาร ของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.692 บาท/ดอลลาร์
  • รมว.คลัง โพสต์ข้อความทางโซเชียลมีเดียระบุการประกาศ Tariff rate ที่ 19% สะท้อนถึงมิตรภาพและความเป็น พันธมิตรที่แน่นแฟ้นระหว่างไทย–สหรัฐฯ ช่วยให้ไทยยังคงแข่งขันได้ในเวทีโลก สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน และเปิดประตูสู่การขยายตัว ทางเศรษฐกิจ รายได้ และโอกาสใหม่ ๆ ให้กับประเทศไทย 
  • นักเศรษฐศาสตร์ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินว่า เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศ CLMV จะชะลอลงเหลือ 5.1% ในปี 2568 จาก 6.3% ในปี 2567 เนื่องจากอัตราภาษีของสหรัฐฯที่สูงขึ้นภายใต้นโยบาย Trump 2.0 ซึ่งส่งผลกระทบต่อโมเดลการเติบโตของเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยการส่งออก โดยเฉพาะเวียดนามและกัมพูชาที่พึ่งพาการค้าระหว่าง ประเทศเป็นหลัก
  • “แบงก์ชาติ” ชี้”เศรษฐกิจไทย” ครึ่งปีหลังความเสี่ยงสูงขึ้น “ชะลอตัว-ซึมยาว” แต่ยังไม่ตกเหวแรง จับตา “ผลกระทบ ภาษีทรัมป์-ปัญหาไทย กัมพูชา-น้ำท่วม” เผยแม้ตัวเลขเศรษฐกิจครึ่งปีแรกดี แต่คนรู้สึกแย่ พร้อมหนุนนักท่องเที่ยวต่างชาติแลกสินทรัพย์ดิจิทัล เป็น “เงินบาท” 
  • Krungthai COMPASS ธ.กรุงไทย ประเมินว่า สถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาจะส่งผลกระทบ ผ่าน 3 ช่องทาง หลัก ได้แก่ การค้าชายแดน การท่องเที่ยว และการลงทุน ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าความเสียหายอย่างน้อยราว 17,000 ล้านบาทต่อเดือน 
  • สภาทองคำโลก (World Gold Council: WGC) เปิดเผยว่า แม้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ อย่างมีนัยสำคัญในช่วงต้นปี 2568 อันเป็นผลมาจากความตึงเครียดทางการค้าและการเปลี่ยนแปลงนโยบายของสหรัฐฯ ที่ผันผวน ท่ามกลาง ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่ยังคงดำเนินอยู่ ขณะที่ราคาทองคำพุ่งสูงทำสถิติใหม่ แต่ความต้องการทองคำในประเทศไทยยังคงแข็ง แกร่ง ด้วยระดับการลงทุนในทองคำแท่งและเหรียญทองคำที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ความต้องการทองคำเครื่องประดับกลับชะลอตัว ลง 
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือนมิ. ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.5% จากระดับ 2.4% ในเดือนพ.ค. ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ ปรับตัวขึ้น 2.8% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี สูง กว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.7% จากระดับ 2.8% ในเดือนพ.ค. 
  • กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก เพิ่มขึ้น 1,000 ราย สู่ระดับ 218,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 7 สัปดาห์ แต่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 225,000 ราย 
  • ปธน.ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารฉบับใหม่เมื่อวันพฤหัสบดี (31 ก.ค.) เพื่อปรับแก้มาตรการภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ที่ใช้กับหลายสิบประเทศ โดยกำหนดพิกัดอัตราใหม่ตั้งแต่ 10% ถึง 41% 
  • รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ แสดงความเชื่อมั่นว่า สหรัฐฯ และจีนมีแนวโน้มที่จะบรรลุข้อตกลงทางการค้า ขณะที่กำหนดเส้นตายใน การเจรจากำลังใกล้เข้ามา 
  • สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (31 ก.ค.) หลังสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่สูงกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคาร กลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
  • นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในปีนี้ จากเดิมที่คาดว่าเฟดจะ ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้ง หลังการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่สูงกว่าคาด
  • นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในวันนี้ (1 ส.ค.) รวมทั้งติดตามความคืบหน้าใน การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า โดยล่าสุดปธน.ทรัมป์ประกาศว่า สหรัฐฯ จะขยายเวลาในการเจรจาการค้ากับ เม็กซิโกออกไปอีก 90 วัน เพื่อปูทางสำหรับการบรรลุข้อตกลงทางการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ส.ค. 68)