
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ส่งจดหมายถึงซีอีโอของบริษัทยารายใหญ่ 17 แห่งเมื่อวันพฤหัสบดี (31 ก.ค.) เรียกร้องให้ปรับลดราคายาในสหรัฐฯ ภายใน 60 วัน พร้อมขู่ว่าจะดำเนินการหากไม่ปฏิบัติตาม
ทรัมป์โพสต์จดหมายถึงบริษัทยาแต่ละแห่งผ่านแพลตฟอร์มทรูธโซเชียล (Truth Social) ซึ่งครอบคลุมบริษัทยารายใหญ่ เช่น อีไล ลิลลี่ (Eli Lilly), ไฟเซอร์ (Pfizer) และเมอร์ค (Merck) โดยเรียกร้องให้เร่งดำเนินมาตรการลดราคายาเพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขของครัวเรือนอเมริกัน
คำสั่งดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ทรัมป์ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อเดือนพ.ค. เพื่อรื้อฟื้นนโยบาย Most Favored Nation ซึ่งมีเป้าหมายลดราคายาในประเทศโดยอิงราคาของยาบางชนิดกับราคาที่ต่ำกว่ามากในประเทศพัฒนาแล้วอื่น ๆ
ทรัมป์ระบุในจดหมายว่า สิ่งเดียวที่เขาจะยอมรับจากบริษัทยาคือคำมั่นสัญญาที่จะบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายจากราคายาที่พุ่งสูงของชาวอเมริกันโดยทันที และยุติภาวะที่ประเทศยุโรปและประเทศพัฒนาแล้วอื่น ๆ ได้ประโยชน์จากนวัตกรรมของสหรัฐฯ โดยไม่ต้องจ่ายในราคาที่เป็นธรรม
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังส่งสัญญาณเตือนว่า หากบริษัทยาเหล่านี้เพิกเฉย รัฐบาลจะใช้ทุกเครื่องมือที่มีเพื่อปกป้องครอบครัวชาวอเมริกันจากแนวทางการกำหนดราคายาที่เอาเปรียบอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ได้ระบุชัดว่าจะใช้มาตรการใด
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มบริษัทยารายใหญ่ปรับตัวลงหลังมีข่าวดังกล่าว โดยหุ้นอีไล ลิลลี่ และไฟเซอร์ ร่วงลงกว่า 2% ขณะที่เมอร์คดิ่งลงกว่า 4% ในการซื้อขายในวันพฤหัสบดี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ส.ค. 68)