
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 2% แตะระดับสูงสุดในรอบหนึ่งสัปดาห์ในวันศุกร์ (1 ส.ค.) หลังข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯ ที่อ่อนแอกว่าคาดหนุนการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ย และกระตุ้นแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 51.20 ดอลลาร์ หรือ 1.53% ปิดที่ 3,399.80 ดอลลาร์/ออนซ์
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานออกมาต่ำกว่าที่คาด ซึ่งเพิ่มความเป็นไปได้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ยลงในช่วงปลายปี โดยทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย มักได้รับแรงหนุนเมื่ออัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ ระบุว่า ในเดือนก.ค. การจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 73,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ และตัวเลขของเดือนมิ.ย. ก็ถูกปรับลดลงเหลือเพิ่มขึ้นเพียง 14,000 ตำแหน่ง
ขณะนี้ นักลงทุนจำนวนมากคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยสองครั้งภายในสิ้นปี โดยเริ่มตั้งแต่การประชุมเดือนก.ย.
ก่อนหน้านี้ในสัปดาห์นี้ เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในกรอบ 4.25%-4.50% โดย เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวว่า เฟดยังไม่ได้ตัดสินใจใด ๆ เกี่ยวกับการปรับดอกเบี้ยในเดือนก.ย.
นักวิเคราะห์กล่าวว่า “เรากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่แรงกดดันเงินเฟ้อยังมีอยู่จากทั้งภาษีและค่าจ้าง ขณะที่ตัวเลขจ้างงานกลับน่าผิดหวัง ดังนั้นหากเฟดตัดสินใจลดดอกเบี้ย ย่อมส่งผลเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญต่อราคาทองคำ”
ด้านสถานการณ์การค้านั้น มาตรการเรียกเก็บภาษีรอบใหม่ของสหรัฐฯ ต่อสินค้านำเข้าจากหลายประเทศ เช่น แคนาดา บราซิล อินเดีย และไต้หวัน ได้เขย่าตลาดทั่วโลก ขณะที่หลายประเทศพยายามผลักดันการเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงการค้าที่ดีกว่าเดิม
ทั้งนี้ ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย มักจะได้รับแรงซื้อในช่วงที่เกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ส.ค. 68)