
สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (NSO) เปิดเผยข้อมูลในวันนี้ (6 ส.ค.) ว่า ยอดการส่งออกของเวียดนามในเดือนก.ค. ที่ผ่านมาพุ่งสูงขึ้นถึง 16% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า คิดเป็นมูลค่า 4.227 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ยอดนำเข้าก็เพิ่มขึ้น 17.8% มาอยู่ที่ 4 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่งผลให้เวียดนามเกินดุลการค้าในเดือนดังกล่าว 2.27 พันล้านดอลลาร์
ตัวเลขการส่งออกที่แข็งแกร่งนี้เกิดขึ้น แม้สินค้าจากเวียดนามจะถูกรัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตราสูงถึง 20% ก็ตาม โดยรัฐบาลเวียดนามแถลงเมื่อวันจันทร์ (4 ส.ค.) ว่า ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างมากทั้งการนำเข้าและส่งออก เป็นผลมาจากการที่บริษัทต่าง ๆ เร่งกำลังการผลิตเพื่อตอบสนองคำสั่งซื้อใหม่ที่หลั่งไหลเข้ามา
สำหรับภาพรวมในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.) ยอดส่งออกเติบโตขึ้น 14.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นมูลค่ารวม 2.6244 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 17.9% คิดเป็นมูลค่า 2.5226 แสนล้านดอลลาร์ ทำให้มียอดเกินดุลการค้ารวมแล้วกว่า 1.018 หมื่นล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ สหรัฐฯ ยังคงเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม โดยมีมูลค่าการส่งออกไปสหรัฐฯ สูงถึง 8.51 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่จีนเป็นแหล่งนำเข้าสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยมูลค่า 1.015 แสนล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ รายงานยังระบุถึงตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ของเดือนก.ค. ที่น่าสนใจ โดยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 8.5% เมื่อเทียบรายปี ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) หรือมาตรวัดเงินเฟ้อ ปรับตัวสูงขึ้น 3.19% โดยยอดค้าปลีกในเดือนเดียวกันขยายตัวถึง 9.2%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ส.ค. 68)