
ทั่วโลกกำลังจับตาความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญที่อาจนำไปสู่การยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ยืดเยื้อมานานกว่า 3 ปีครึ่ง โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา เตรียมประชุมสุดยอดร่วมกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ณ เมืองแองเคอเรจ รัฐอะแลสกา ในวันศุกร์ที่ 15 สิงหาคมนี้ หลังจากที่การเจรจาระหว่างรัสเซียกับยูเครนสามรอบก่อนหน้านี้ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ในการบรรลุสันติภาพ
นัยสำคัญของ “อะแลสกา”
อะแลสกามีนัยสำคัญในเชิงประวัติศาสตร์ เนื่องจากจักรวรรดิรัสเซียเคยครอบครองอะแลสกามาก่อน จนกระทั่งพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 ขายอะแลสกาให้สหรัฐฯ ในปี พ.ศ. 2410 และกลายเป็นรัฐหนึ่งของสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการในปี 2502 โดยนักวิเคราะห์มองว่า การเลือกอะแลสกาเป็นสถานที่จัดการประชุมสุดยอดครั้งนี้ ราวกับต้องการบอกเป็นนัยว่าดินแดนสามารถซื้อขายได้ และ “พรมแดนของประเทศสามารถเปลี่ยนแปลงได้”
อย่างไรก็ตาม ยูริ อูชาคอฟ ผู้ช่วยประธานาธิบดีรัสเซีย ให้เหตุผลเพียงว่า รัสเซียและสหรัฐฯ เป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีเพียงช่องแคบแบริงกั้นกลางระหว่างกันเท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่คณะผู้แทนของรัสเซียจะบินข้ามช่องแคบแบริงเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดครั้งสำคัญระหว่างผู้นำทั้งสองที่อะแลสกา
การเดินทางไปยังอะแลสกาครั้งนี้จะถือเป็นครั้งแรกที่ผู้นำของรัสเซียเยือนอะแลสกา แม้ว่าจักรวรรดิรัสเซียเคยครอบครองอะแลสกามานานก็ตาม นอกจากนี้ การเยือนสหรัฐฯ ครั้งนี้ จะถือเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีสำหรับปูติน โดยครั้งหลังสุดเขาได้เดินทางเยือนสหรัฐฯ เมื่อปี 2558 เพื่อเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติที่นิวยอร์ก
เซเลนสกีไม่ได้รับเชิญ
ทรัมป์ยืนยันว่า ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน จะไม่ได้เข้าร่วมการประชุมในวันศุกร์นี้ อย่างไรก็ดี ทำเนียบขาวเปิดเผยในภายหลังว่า ทรัมป์และเซเลนสกีจะประชุมออนไลน์ร่วมกันก่อนในวันพุธนี้ (13 ส.ค.) โดยมีผู้นำยุโรปหลายคนร่วมหารือด้วย ขณะเดียวกัน ทรัมป์ยืนยันว่าเซเลนสกีจะเป็นคนแรกที่เขาโทรหาหลังเสร็จสิ้นการประชุมกับปูติน
ก่อนหน้านี้ ทำเนียบขาวระบุว่าทรัมป์ยินดีจัดการประชุมไตรภาคีระหว่างทรัมป์ ปูติน และเซเลนสกี อย่างไรก็ตาม ทางรัสเซียคัดค้านการพบกันระหว่างปูตินกับเซเลนสกี อย่างน้อยก็จนกว่ารัสเซียและยูเครนจะบรรลุข้อตกลงสันติภาพและพร้อมที่จะลงนามในข้อตกลงดังกล่าว โดยปูตินกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เขาไม่ได้ต่อต้านการพบกับเซเลนสกี แต่ต้องมีการกำหนดเงื่อนไขบางประการก่อน ซึ่งยังคงต้องใช้เวลาอีกนาน
ส่วนทางด้านเซเลนสกีรีบดักคอก่อนที่ทรัมป์จะพบกับปูติน โดยย้ำว่า “ข้อตกลงใดที่เกิดขึ้นโดยไม่มียูเครน ก็เท่ากับเป็นข้อตกลงที่ขัดต่อสันติภาพ” และเป็น “ข้อตกลงที่ไม่มีผล”
อาจต้องสละดินแดน แลกหยุดยิง
แม้ว่ารัสเซียและยูเครนต่างแสดงจุดยืนว่าต้องการยุติสงคราม แต่ต่างฝ่ายต่างก็แสดงความต้องการในสิ่งที่อีกฝ่ายไม่สามารถยอมรับได้ โดยสิ่งที่รัสเซียต้องการคือ ยูเครนต้องสละดินแดนที่รัสเซียเข้ายึดครอง ยูเครนต้องไม่พยายามเข้าร่วมนาโต และยูเครนต้องจำกัดขนาดของกองทัพ เนื่องจากรัสเซียมีความกังวลอย่างมากว่านาโตอาจใช้ยูเครนเป็นฐานเพื่อนำกองกำลังเข้ามาประจำการใกล้ชายแดนรัสเซีย ส่วนทางด้านยูเครนก็ยืนกรานอย่างหนักแน่นว่าไม่ยอมยกดินแดนใด ๆ ให้รัสเซีย รวมถึงไม่ยอมรับการที่รัสเซียเข้าครอบครองดินแดนไครเมียก่อนหน้านี้ด้วย
สหรัฐฯ ได้เสนอแนวทางแก้ไขความขัดแย้ง โดยทรัมป์กล่าวว่าจะพยายามเจรจากับปูติน เพื่อนำดินแดนที่รัสเซียยึดครองกลับมาคืนให้กับยูเครนบางส่วน แต่ยูเครนอาจต้องยอมสละดินแดนบางส่วนเพื่อบรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยมีรายงานว่า ข้อเสนอระบุว่า รัสเซียจะได้ครอบครองดินแดนไครเมียที่ยึดไปตั้งแต่ปี 2557 พร้อมกับครอบครองภูมิภาคดอนบาส (ประกอบด้วยแคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์) ทางตะวันออกของยูเครน แต่รัสเซียต้องถอนกำลังทหารออกจากแคว้นเคอร์ซอนและซาโปริซเซีย
ยูเครนและชาติพันธมิตรในยุโรปกังวลว่า ข้อเสนอดังกล่าวจะเปิดทางให้รัสเซียสามารถใช้กำลังทางทหารเพื่อกำหนดเส้นแบ่งเขตแดนของยูเครนใหม่ ยิ่งไปกว่านั้น การประชุมที่กำลังจะเกิดขึ้นโดยไม่มียูเครนเข้าร่วม อาจทำให้ปูตินสามารถโน้มน้าวทรัมป์และบีบให้ยูเครนต้องยอมจำนนในที่สุด ขณะที่คายา คัลลาส หัวหน้าฝ่ายนโยบายการต่างประเทศของสหภาพยุโรป (EU) เตือนว่า “การสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืนต้องไม่ให้รางวัลแก่ผู้รุกราน”
คาดราคาน้ำมัน-ทองคำปรับตัวลง
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ประกาศว่าสหรัฐฯ จะใช้มาตรการภาษีทุติยภูมิ (Secondary Tariffs) ต่อประเทศที่ยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซีย โดยเฉพาะอินเดีย ซึ่งเป็นหนึ่งในลูกค้ารายใหญ่ของรัสเซีย โดยมาตรการภาษีดังกล่าวจะทำให้ผู้ซื้อน้ำมันจากรัสเซียต้องเผชิญกับภาษีศุลกากรสูงถึง 100% เมื่อส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นแรงกดดันทางเศรษฐกิจขั้นรุนแรงเพื่อบีบให้รัสเซียยุติสงครามในยูเครน ตลาดพลังงานจึงจับตาการประชุมในวันศุกร์นี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากหากการประชุมนำไปสู่การหยุดยิง หรือทำให้ข้อตกลงสันติภาพเข้าใกล้ความเป็นจริงมากขึ้น ทรัมป์ก็อาจระงับมาตรการภาษีทุติยภูมิที่ประกาศเรียกเก็บจากอินเดียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และจะมีผลบังคับใช้ในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันต่ออุปทานน้ำมัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันอ่อนตัวลง ขณะเดียวกัน ความหวังที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน ยังส่งผลให้ความต้องการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยลดลง ซึ่งกดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงตามไปด้วย
ทรัมป์ประกาศตั้งแต่ช่วงหาเสียงเลือกตั้งว่า การยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน เป็นหนึ่งในนโยบายต่างประเทศที่สำคัญ และหลังเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่สองเมื่อเดือนมกราคม ทรัมป์ก็ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเจรจามาตลอด และการประชุมในวันศุกร์นี้อาจเป็นตัวตัดสินว่าทรัมป์จะไปต่อหรือพอแค่นี้ โดยมาร์ก รุตเตอ เลขาธิการนาโต เชื่อว่า ทรัมป์ต้องการสร้างความมั่นใจว่าปูตินจริงจังหรือไม่ในการสร้างสันติภาพ ถ้าปูตินไม่จริงจัง ทุกอย่างจะจบลงแค่นี้ แต่ถ้าปูตินจริงจัง นับตั้งแต่วันศุกร์เป็นต้นไป การเจรจาจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยยูเครนและยุโรปจะถูกดึงเข้าร่วมการเจรจาด้วย เพื่อนำไปสู่การยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน ในท้ายที่สุด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ส.ค. 68)