
เอสมาอิล บาฆาอี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศแห่งอิหร่าน เปิดเผยต่อสื่อของรัฐในวันนี้ (18 ส.ค.) ว่า ทางการอิหร่านจะยังคงดำเนินการปรึกษาหารือกับทบวงการปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ต่อไป และคาดว่าทั้งสองฝ่ายคงจะได้เปิดการเจรจารอบใหม่ในเร็ววันนี้
ทั้งนี้ คณะผู้ตรวจการของ IAEA ไม่อาจเข้าตรวจโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านได้อีกต่อไป นับแต่กรณีพิพาทที่อิสราเอลกับสหรัฐฯ ได้ร่วมกันทิ้งระเบิดโจมตีที่ตั้งเหล่านั้นระหว่างสงครามเป็นเวลา 12 วันเมื่อเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา
บาฆาอีกล่าวว่า อิหร่านได้มีการเจรจากับ IAEA ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยการเจรจานี้จะยังคงมีต่อไป และ “คงจะมีการเจรจารอบใหม่ระหว่างอิหร่านกับทบวงฯ ในเร็ววันนี้”
อิหร่านได้กล่าวโทษ IAEA ว่าเป็นผู้เปิดช่องให้เกิดการโจมตีโดยอิสราเอลและสหรัฐฯ ด้วยรายงานฉบับวันที่ 31 พ.ค. อันเป็นเหตุให้คณะผู้ว่าการ 35 ชาติของ IAEA มีมติว่าอิหร่านได้ประพฤติผิดพันธกรณีว่าด้วยการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์
“ระดับความสัมพันธ์ของเรา (กับ IAEA) เปลี่ยนไปหลังเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น เราไม่ได้ปฏิเสธความจริงข้อนี้ แต่กระนั้น ความสัมพันธ์ของเรา…ก็ยังคงดำเนินไปโดยตรง” บาฆาอีกล่าวระหว่างการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ทางโทรทัศน์
อิหร่านได้ปฏิเสธข้อกังขาของฝ่ายตะวันตกมาโดยตลอดในเรื่องความพยายามซ่อนเร้นที่จะเสริมสร้างสมรรถนะทางอาวุธนิวเคลียร์ โดยยืนยันว่าอิหร่านยังคงยึดมั่นในสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธ ซึ่งบัญญัติให้ชาติผู้ลงนามสามารถใช้พลังงานปรมาณูในทางสันติได้
เมื่อเดือนก่อน รัฐสภาอิหร่านได้ผ่านกฎหมายให้ระงับความร่วมมือกับ IAEA โดยกฎหมายฉบับดังกล่าวได้กำหนดเงื่อนไขว่า การเข้าตรวจโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านในอนาคตจะต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดแห่งกรุงเตหะรานเสียก่อน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ส.ค. 68)