โดรนรัสเซียถล่มคาร์คิฟ ดับ 7 ราย ก่อนประชุม “ทรัมป์-เซเลนสกี”

การโจมตีด้วยโดรนของรัสเซียถล่มย่านที่พักอาศัยในเมืองคาร์คิฟของยูเครน เมื่อคืนที่ผ่านมา (17 ส.ค.) สังหารพลเรือน 7 ราย ในจำนวนนี้มีเด็กทารกและวัยรุ่นชายวัย 16 ปีรวมอยู่ด้วย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันเดียวกับที่ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี มีกำหนดหารือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ณ กรุงวอชิงตัน ท่ามกลางแรงกดดันจากสหรัฐฯ ที่ต้องการให้ยูเครนยอมรับข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซียโดยเร็ว

โอเลห์ ซีเนฮูบอฟ ผู้ว่าการแคว้นคาร์คิฟ เปิดเผยว่า นอกจากผู้เสียชีวิตแล้ว ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 20 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กอายุ 6-17 ปี ถึง 6 คน

การโจมตีระลอกใหญ่ครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างยูเครนกับพันธมิตรชาติตะวันตกกำลังตึงเครียด โดยปธน.ทรัมป์ ซึ่งเพิ่งพบปะกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (15 ส.ค.) ได้เรียกร้องให้ยูเครนยอมทำข้อตกลง โดยกล่าวว่า “รัสเซียเป็นมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่มาก ส่วนยูเครนนั้นไม่”

อันดรีย์ ซีบิฮา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน ประณามการโจมตีครั้งนี้ผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า “รัสเซียคือเครื่องจักรสงครามอำมหิตที่ยูเครนกำลังสกัดกั้น และมันจะต้องถูกหยุดยั้งด้วยความสามัคคีและแรงกดดันของชาติพันธมิตรข้ามแอตแลนติก” พร้อมชี้ว่ารัสเซียยังคงสังหารพลเรือนแม้ฝ่ายอื่น ๆ จะมีความพยายามสร้างสันติภาพก็ตาม

กองทัพอากาศยูเครนระบุว่า ตลอดคืนที่ผ่านมา รัสเซียได้ส่งโดรนโจมตียูเครนถึง 140 ลำ ถือเป็นจำนวนสูงสุดในคืนเดียวนับตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค. โดยสามารถสกัดได้ 88 ลำ แต่ยังคงมีความเสียหายเกิดขึ้นใน 25 จุด จาก 6 แคว้นทั่วประเทศ

นอกจากการโจมตีที่คาร์คิฟแล้ว ยังมีรายงานความเสียหายในพื้นที่อื่น ๆ โดยในซาปอริฌเฌีย ขีปนาวุธโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในช่วงเช้า ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 17 คน

ขณะเดียวกันในโอเดสซา เกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ที่โรงงานเชื้อเพลิงและพลังงาน ส่วนในซูมี มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย บ้านเรือนและสถานศึกษาได้รับความเสียหาย

ฝ่ายรัสเซียยังคงยืนกรานปฏิเสธว่าไม่ได้มีเจตนาโจมตีพลเรือน อย่างไรก็ตาม สงครามนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 2565 ได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วหลายพันคน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ส.ค. 68)