SoftBank ทุ่ม 2 พันล้านดอลล์ซื้อหุ้น Intel ตัดหน้ารัฐบาลสหรัฐฯ ที่จ่อเข้าอุ้ม

ซอฟต์แบงก์ กรุ๊ป (SoftBank Group) ประกาศทุ่มเงิน 2 พันล้านดอลลาร์เข้าซื้อหุ้นอินเทล (Intel) ในวันจันทร์ (18 ส.ค.) ความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่นี้เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันมหาศาลที่ยักษ์ใหญ่ชิปอเมริกันกำลังเผชิญ ทั้งจากข่าวที่ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเจรจาเข้าถือหุ้น 10% และกรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพิ่งเรียกร้องให้ซีอีโอของบริษัทลาออกเมื่อต้นเดือน

ภายใต้ข้อตกลงนี้ ซอฟต์แบงก์จะซื้อหุ้นสามัญที่ออกใหม่ของอินเทลในราคาหุ้นละ 23 ดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้กลุ่มทุนยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 6 ในทันที ด้วยสัดส่วนการถือครองเกือบ 2%

ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้น หลังมีรายงานข่าวว่า รัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กำลังเจรจากับอินเทล เพื่อเปิดทางให้รัฐบาลสหรัฐฯ เข้าถือหุ้นในอินเทลซึ่งกำลังประสบปัญหา โดยข่าวดังกล่าวนับเป็นสัญญาณล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่าทำเนียบขาวต้องการที่จะลดเส้นแบ่งระหว่างภาครัฐและภาคอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะถือหุ้นในอินเทลในสัดส่วนเท่าใด

ข่าวการเจรจาถือครองหุ้นในบริษัทอินเทลมีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่ปธน.ทรัมป์เรียกร้องให้ ลิป-บู ตัน ลาออกจากตำแหน่งซีอีโอของอินเทล โดยระบุว่าซีอีโอผู้นี้มีผลประโยชน์ทับซ้อนโดยอาศัยความสัมพันธ์ที่มีกับบริษัทจีน กระทั่งเมื่อวันที่ 11 ส.ค. ปธน.ทรัมป์เปิดเผยว่าเขาได้พบกับลิป-บู ตัน และการพูดคุยเป็นไปด้วยดี

การลงทุนในอินเทลครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของกลุ่มทุนซอฟต์แบงก์ในปี 2568 ต่อจากการประกาศอัดฉีดเงินทุน 3 หมื่นล้านดอลลาร์ให้แก่โอเพนเอไอ (OpenAI) ผู้สร้าง ChatGPT และการเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในโครงการสตาร์เกต (Stargate) ซึ่งเป็นโครงการก่อสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดยักษ์ในสหรัฐฯ ด้วยเงินทุนสูงถึง 5 แสนล้านดอลลาร์

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ส.ค. 68)