สหรัฐฯ เพิกถอนวีซ่านักเรียนกว่า 6,000 ราย เหตุอยู่เกินกำหนด-ละเมิดกฎหมาย

เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยในวันจันทร์ (18 ส.ค.) ว่า ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้สั่งเพิกถอนวีซ่านักเรียนมากกว่า 6,000 ราย อันเนื่องมาจากการอยู่เกินกำหนดและฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งรวมถึงบางส่วนที่สนับสนุนการก่อการร้าย

เจ้าหน้าที่ระบุว่า มีการเพิกถอนวีซ่านักเรียนประมาณ 4,000 ราย จากการกระทำผิดกฎหมาย โดยส่วนใหญ่เป็นคดีทำร้ายร่างกาย ขณะที่ความผิดอื่น ๆ ได้แก่ คดีขับรถขณะมึนเมา ใช้สารเสพติด และการลักทรัพย์

ขณะเดียวกัน วีซ่านักเรียนอีกประมาณ 200–300 รายถูกเพิกถอนเพราะเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย โดยอ้างอิงกฎเกี่ยวกับความไม่เหมาะสมของผู้ขอวีซ่าตามคู่มือกิจการต่างประเทศของกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งระบุว่า ผู้ขอวีซ่าจะถือว่าไม่เหมาะสม หากมีส่วนร่วมกับกิจกรรมก่อการร้ายหรือมีความเชื่อมโยงกับองค์กรก่อการร้ายบางแห่ง

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ไม่ได้ระบุว่านักเรียนที่ถูกเพิกถอนวีซ่าสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มใด

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่ฝ่ายบริหารของทรัมป์ดำเนินนโยบายที่เข้มงวดเป็นพิเศษกับวีซ่านักเรียนในฐานะส่วนหนึ่งของการปราบปรามการย้ายถิ่นฐาน โดยเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบผ่านโซเชียลมีเดีย และขยายขอบเขตการคัดกรอง โดยกระทรวงการต่างประเทศได้กำชับให้บรรดานักการทูตของสหรัฐฯ ในต่างแดนให้เฝ้าระวังผู้ขอวีซ่าคนใดก็ตามที่สหรัฐฯ มองว่าอาจเป็นศัตรูกับสหรัฐฯ และมีประวัติความเคลื่อนไหวทางการเมือง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ส.ค. 68)