มองมุมต่าง: ประเด็นดราม่าที่เข้าใจผิดของหุ้น HANN

ประเด็นดราม่าในเชิงลบเกี่ยวกับหุ้น บมจ.โรงพยาบาลมุกดาหารอินเตอร์เนชั่นแนล [HANN] หุ้นน้องใหม่ไอพีโอที่เพิ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นตัวล่าสุด เกิดขึ้นทันทีที่มีการรายงานการขายหุ้นของกรรมการอิสระและผู้บริหาร ทั้งหมด 5 ราย จำนวนหุ้นที่ขายออกไปรวมทั้งสิ้น 1.25 ล้านหุ้น คิดเป็นจำนวน 0.1% เมื่อเทียบกับปริมาณหุ้นที่เทรดไปทั้งหมด (14 ส.ค.) จำนวน 1,256,677,155 หุ้น

ประเด็นดราม่าเกิดขึ้นจากการขายหุ้นที่กรรมการอิสระและผู้บริหารได้สิทธิจองซื้อหุ้นไอพีโอขายหุ้นออกมาเพียงแค่ 1.25 ล้านหุ้นเท่านั้น ขณะที่ราคาหุ้น HANN เกิดปรับตัวลดลงในวันที่ 3 ของการเข้าเทรด ซึ่งตรงกับวันที่มีการรายงานข้อมูลการขายหุ้น ทำให้ประเด็นดราม่าเกิดขึ้น

ในทางกลับกัน สมมติว่าราคาหุ้นกลับปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกต่ออีก 1 วัน ประเด็นร้อนของการขายหุ้นของกรรมการอิสระและผู้บริหาร จำนวน 1.25 ล้านหุ้น “จะไม่เป็นประเด็นเชิงลบเลย” แถมยังอาจจะถูกสังคมชาวหุ้น “ดูถูก” หรือ “ตราหน้า” ว่า “ขายหมู” อีกต่างหาก

ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว หุ้นสไตล์นี้ ต่อให้กรรมการอิสระหรือผู้บริหารไม่ได้ขายหุ้นออกมา หุ้นก็ต้องลงอยู่ดี เพราะราคาปิดวันแรกที่เข้าเทรด (14 ส.ค.) ราคาหุ้น +200% (Ceiling), วันถัดมา (15 ส.ค.) บวกต่ออีก +17%, วันที่สาม (16 ส.ค.) ติดลบ -28%

เรายังไม่ได้เอ่ยถึงความคาดหวังการเติบโตทางด้าน “พื้นฐาน” ของการเป็น “โรงพยาบาลต่างจังหวัด” ที่กล้าจะมีจินตนาการของกำไรสุทธิในผลประกอบการ เท่ากับการชน ceiling เหมือนราคาหุ้นในวันแรก

ทั้งหมดนี้ เกิดจาก “อุปทานหมู่” ของนักลงทุนที่หิวหุ้นไอพีโอที่ไม่มีมานานหลายเดือน แถมเป็นหุ้นไซส์เล็ก สภาพคล่องน้อย ไม่มีเจ้าภาพ พอมีคนมาจุดพลุจนชน ceiling +200% รายย่อยก็พากันแห่เข้าไปตะลุมบอน พอมีกำไรก็เอามาโชว์ใน Facebook อวดพอร์ต อวยว่าตนเองเก่ง พร้อมปรบมือชื่นชมว่าเป็น “หุ้นภูธร” ที่ดีตัวหนึ่ง

ประเด็นสำคัญที่ควรตั้งข้อสังเกตให้มากกว่าการ “หาเพะ” ผู้บริหารขาย ก็คือ หุ้นตัวนี้ มีคนปั่นหุ้นหรือไม่!?

เพราะหุ้นตัวนี้มีเงื่อนไขที่เข้าองค์ประกอบหลายข้อ คือ

1. หุ้นขนาดเล็ก ใช้เงินไม่มาก

2. สภาพคล่องน้อย ผู้ถือหุ้นใหญ่ถูก lock-up

3. ไม่มีเจ้าภาพ (ไม่มีคนกล้าจอง) ไม่มีใครได้หุ้นจองกระจุกตัว

4. คนที่มีหน้าตักใหญ่เข้าไปเก็บเอาในกระดานได้อย่างง่ายดาย เพราะคนที่ได้หุ้นจองพอเห็นราคาเหนือจองเล็กน้อยก็ทิ้งหนีออกมาก่อนแล้ว

5.ฯลฯ

สถานการณ์ตอนจองหุ้นไอพีโอตัวนี้ คาดว่ามีคนปฏิเสธเยอะมาก แม้แต่มาร์เก็ตติ้งเองยังห้ามลูกค้าที่สนิทกันไม่ให้จอง ดีไม่ดี กรรมการอิสระและผู้บริหารที่ขายหุ้นจองออกมา อาจจะถูกบังคับให้จองอีกต่างหาก ใครจะไปรู้ เพราะสถานการณ์ตอนนั้น ทุกคนปฏิเสธหมด เพราะกลัวภาวะตลาด กลัวหุ้นไอพีโอ

และมีคำที่น่ากลัวว่า “ถ้าเกลียดใคร ต้องเอาหุ้นไอพีโอ ไปยัดให้เขา”

สรุปความให้เข้าใจง่ายๆ คือ ทุกครั้งที่เวลาหุ้นลง ต้องมีเหตุผลเข้ามาซัพพอร์ตเสมอ แม้เหตุผลมันจะไม่สมเหตุสมผลก็ตาม แต่อารมณ์คนที่ขาดทุน มันพร้อมจะเชื่อ

เรามาดูความไม่สมเหตุสมผล แต่คนพร้อมจะเชื่อ คือ

วันแรกหุ้นเทรดไป 1,256,677,155 หุ้น การที่ขายหุ้นออกมา 1.25 ล้านหุ้น ไม่ใช่เหตุผลของการทุบหุ้น

การตั้ง bid-offer แค่ช่องเดียวก็สามารถรับหุ้นของกรรมการอิสระและผู้บริหารก้อนนั้นได้ทั้งหมดแล้ว

แม้แต่ประเด็นเอาบริษัทเข้าตลาดหุ้นแล้วผู้บริหารขายทิ้ง หรือทิ้งบริษัท อันนี้ยิ่งเลอะเทอะไปกันใหญ่

ประเด็นสำคัญที่นักลงทุนรายย่อยควรตระหนักถึงความเสี่ยงและควรระวังเป็นพิเศษก่อนตัดสินใจเข้าไปลงทุน คือ

1.ความผันผวนสูง หุ้นลักษณะนี้มักจะเคลื่อนไหวแรงตามกระแสข่าวและแรงเก็งกำไร ไม่ได้อิงกับพื้นฐานบริษัท ราคาอาจขึ้นลงเร็วภายในวันเดียว

2.สภาพคล่องต่ำ ปริมาณซื้อขายอาจไม่สม่ำเสมอ ทำให้เวลาอยากขายอาจไม่มีคนรับซื้อในราคาที่ต้องการในจังหวะที่เจ้ามือเลิก

3.การเล่นเก็งกำไร (Speculative Play) หุ้นขนาดเล็กหรือเพิ่งเข้าตลาด มักถูกกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่เข้าเก็งกำไร

นักลงทุนรายย่อย จึงเป็นพวกเสี่ยงที่เป็น “รายสุดท้าย” ที่เข้าไปซื้อของแพงและติดดอย อย่างที่เคยเป็นมาในอดีต ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ธิติ ภัทรยลรดี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ส.ค. 68)