
BGRIM บวก 5.93% นำกลุ่มโรงไฟฟ้า โดยราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 0.70 บาท มาที่ 12.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 11.77 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.43 น. จากราคาเปิด 12.00 บาท ราคาสูงสุด 12.60 บาท และราคาต่ำสุด 12.00 บาท
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) มองว่าหุ้น บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ [BGRIM] จะได้รับประโยชน์จากความต้องการใช้ไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรมเริ่มฟื้นตัวทั้งในไทยและเวียดนาม หลังจากการเจรจาภาษีการค้ากับสหรัฐมีความชัดเจนออกมาแล้ว และปัจจัยหนุนกำไรจากโครงการที่ BGRIM ได้ร่วมกับ บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน [AMATA] ที่จะเริ่มมีการรับรู้กำไรเข้ามาเพิ่มขึ้น
ขณะที่มีปัจจัยหนุนจากการเปิดประมูลโครงการใหม่ๆ ออกมา โดยเฉพาะการเข้าร่วมประมูลโครงการโซลาร์ลอยน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ 3 กำลังผลิตราว 280 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่า BGRIM มีโอกาสชนะการประมูล อีกทั้งทิศทางดอกเบี้ยขาลงจะเป็น Sentiment บวกหนุน และ Valuation ของ BGRIM ถือว่าไม่แพง และเทรดต่ำกว่า Book Value
ขณะที่ บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุ BGRIM น่าจะได้รับประโยชน์มากที่สุดในแง่ของเปอร์เซนต์การเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิจากต้นทุนการเงินที่จะลดลง หลังจากที่ดอกเบี้ยเริ่มเห็นการปรับตัวลง ซึ่งการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25bp จะช่วยลดต้นทุนทางการเงินได้ราว 6% ส่งผลให้หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าจะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 5% ในปี 69
ขณะที่ราคาหุ้นส่วนใหญ่ในกลุ่มโรงไฟฟ้าปรับตัวขึ้นน่าจะมาจากสองปัจจัย คือ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติตรึงอัตราค่าไฟฟ้าตามที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เสนอ สำหรับค่า Ft (ค่าไฟฟ้าผันแปร) รอบเดือนก.ย.-ธ.ค. 68 ที่ 3.94 บาท/หน่วย ซึ่งต่ำกว่าที่เคยคาดตอนต้นปี 68 และจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ส.ค. 68)