CryptoShot: KUCOIN เจ้าแรก!! ที่จะได้ขาย G-Token

อัพเดตความคืบหน้าของ G-Token พันธบัตรรัฐบาลดิจิทัลรูปแบบใหม่ ที่ไม่จำกัดขั้นต่ำในการลงทุน ซึ่งแพลตฟอร์มที่ได้รับอนุญาตในการขายคือ KUCOIN, Exchange ม้ามืดที่มาแรงแซงคู่แข่ง ถือเป็นมิติใหม่ในการซื้อพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งอาจจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนโครงสร้างอนาคตทางการเงินประเทศไทยก็เป็นได้

KUCOIN เจ้าแรก!! ขาย G-Token

มาแล้วกับความคืบหน้าของ G-Token หรือ Government Digital Bond พันธบัตรรัฐบาลในรูปแบบดิจิทัลบนบล็อกเชน ที่ออกโดย กระทรวงการคลัง ภายใต้พระราชบัญญัติบริหารหนี้สาธารณะ มาพร้อมสิทธิรับเงินต้นและดอกเบี้ยเหมือนพันธบัตรทั่วไป แต่เข้าถึงได้ง่ายกว่า โปร่งใส และได้นวัตกรรมบล็อกเชนเข้าช่วย

แล้วเราจะไปซื้อ G-Token ได้ที่แพลตฟอร์มไหน??

ล่าสุด KUCOIN Thailand ที่ดำเนินงานโดย บริษัท อีอาร์เอ็กซ์ จำกัด ภายใต้ License Exchange ร่วมกับ KuCoin Global, XSpring Digital, Krungthai XSpring และ SIX Network ได้สิทธิเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ Exchange ที่ได้รับการรับรองรายแรกที่ให้การสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและการลิสต์ “G-Token” โทเคนดิจิทัลของรัฐบาลไทย ซึ่งนับเป็นโครงการต้นแบบของภูมิภาคในการนำนวัตกรรมทางการเงินมาใช้กับพันธบัตรรัฐบาล

G-Token หรือ Government Token คือเครื่องมือทางการเงินในรูปแบบใหม่ที่กระทรวงการคลังออกเพื่อระดมทุนจากประชาชนทั่วไปในรูปแบบดิจิทัล ภายใต้พระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ทั้งนี้ G-Token ทำหน้าที่คล้ายกับพันธบัตรรัฐบาลแบบดั้งเดิม โดยผู้ลงทุนจะได้รับการจ่ายคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยตามเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังกำหนด

แต่ G-Token จะไม่มีกำแพงด้านการลงทุนขั้นต่ำที่สูงเหมือนพันธบัตรรัฐบาลแบบดั้งเดิม ทำให้โครงการนี้เป็นก้าวสำคัญสำหรับอนาคตระบบการเงินสาธารณะของประเทศไทย เพราะเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึงการลงทุนและการออมที่ง่ายมากขึ้น

หลอกมาหลอกกลับไม่โกง!! โดนหลอกให้ลงทุนคริปโทฯ แต่กลับได้เงินเขามาซะอย่างงั้น!!

และนี่เป็นเรื่องราวของอดีตผู้สื่อข่าวชื่อดัง “ต๊ะ นารากร” ที่ได้ออกมาแชร์เรื่องราวของ “มิจฉาชีพ” ที่พยายามเข้ามาตีสนิทในทรง Romance Scam หรือหลอกให้รัก แล้วชวนไปลงทุนต่อ!!

ทางมิจฉาชีพได้พยายามชักชวนให้ร่วมลงทุนในคริปโทฯ พร้อมทั้งโชว์ว่าตัวเขาเทรดเก่งมาก ได้กำไรตั้งเท่านี้ ๆ ทางคุณนารากรจึงให้มิจฉาชีพแสดงความจริงใจ โดยการลงเงินทุนให้ก่อน ทางนั้นก็ได้โอนให้มา 200 ดอลลาร์ แล้วคุณนารากรได้เทรดตามที่บอก ซึ่งก็ได้กำไรจริง กระบวนการนี้ ทำให้ได้เงินมาฟรี ๆ ประมาณ 615 ดอลลาร์ หรือประมาณ 20,000 บาท

คราวนี้มิจฉาชีพเริ่มแผนการขั้นต่อไป โดยกล่าวอ้างว่าจะมีการลงทุนครั้งใหญ่ที่ได้กำไรมาก ให้คุณต๊ะลงทุนเพิ่มอีก 100,000 ดอลลาร์ คุณต๊ะก็เริ่มเอาข้อมูลและรูปภาพต่าง ๆ ที่มิจฉาชีพเคยส่งมาให้ ไปตรวจสอบดู พบว่าเป็นข้อมูลปลอมทั้งหมด คุณต๊ะจึงตัดสินใจบล็อกและปิดช่องทางการติดต่อ และยืนยันจะไม่คืนเงินด้วย ซึ่งทางมิจฉาชีพก็พยายามทวงเงินคุณต๊ะทุกวิถีทาง แต่คุณต๊ะบอกแล้วว่ายังไงก็ไม่คืนเงิน!!

นึกว่ามิจฉาชีพอย่าง Romance Scam จะหมดไปแล้ว แต่จริง ๆ ไม่ได้หายไปไหนเลย ใครที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็นเหยื่อ หรือกำลังเจอกับมิจฉาชีพ เอาวิธีคุณต๊ะไปใช้ได้เลย

ฟิลิปปินส์ เจ้าแรกในอาเซียน!! จัดตั้ง Bitcoin Reserve สะสมให้ได้ 10,000BTC ภายใน 5 ปี!!!

มาแล้วกับประเทศฟิลิปปินส์ นำโดย Migz Villafuerte สมาชิกสภาคองเกรสฟิลิปปินส์ ที่ได้ยื่นร่างกฎหมาย หรือ House Bill 421 เพื่อให้ประเทศฟิลิปปินส์จัดตั้ง “Philippine Strategic Bitcoin Reserve” โดยมีแนวคิดให้ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ หรือ BSP เข้าซื้อ Bitcoin จำนวน 2,000 BTC ต่อปี เป็นเวลา 5 ปี รวมทั้งสิ้น 10,000 BTC และถือครองต่อเนื่องยาวนาน 20 ปี

เป้าสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้ ก็คือการเสริมความมั่นคงทางเศรษฐกิจและป้องกันความเสี่ยงด้านหนี้สาธารณะของประเทศ โดยเขาได้อธิบายว่า Bitcoin เปรียบเสมือน “ทองคำดิจิทัล” ที่มีจำนวนจำกัดเพียง 21 ล้านเหรียญทั่วโลก การถือครอง Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์สำรองจะช่วยป้องกันความเสี่ยงจากการพึ่งพาสกุลเงินต่างประเทศ รวมถึงเสริมความมั่นใจด้านเสถียรภาพทางการเงินในระยะยาวด้วย

และหากร่างกฎหมายนี้ผ่านความเห็นชอบ ฟิลิปปินส์จะเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จัดตั้ง Strategic Bitcoin Reserve อย่างเป็นทางการ ความเคลื่อนไหวนี้ถูกจับตาจากนักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก เนื่องจากอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการที่รัฐบาลในภูมิภาคหันมาใช้ Bitcoin เป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองระหว่างประเทศ

และถึงแม้จะยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับความผันผวนของราคา Bitcoin และความเสี่ยงในการบริหารจัดการ แต่ผู้สนับสนุนเชื่อว่าการถือครองระยะยาวถึง 20 ปีจะช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนในระยะสั้น และอาจกลายเป็นก้าวสำคัญในการสร้างอนาคตทางการเงินที่มั่นคงยิ่งขึ้นของฟิลิปปินส์

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ส.ค. 68)