
เมื่อเวลา 09.58 น. STECON ลบ 3.27% ลดลง 0.25 บาท มาที่ 7.40 บาท มูลค่าการซื้อขาย 22.84 ล้านบาท
STPI ลบ 1.97% ลดลง 01.08 บาท มาที่ 3.98 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2.96 ล้านบาท
ราคาหุ้นทั้งสองตัวพลิกกลับมาลบหลังจากช่วงบ่ายเมื่อวันศุกร์ที่ 29 ส.ค.ราคาหุ้น บมจ.สเตคอน กรุ๊ป [STECON] ซึ่งมีกลุ่มชาญวีรกูลถือหุ้นใหญ่ เด้งขึ้นไปปิดที่ 7.65 บาท พุ่ง 12.50% หรือ เพิ่มขึ้น 0.85 บาท มูลค่าการซื้อขาย 423.51 ล้านบาท ส่วนหุ้น บมจ.เอสทีพี แอนด์ ไอ [STPI] ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ถือหุ้นใหญ่ บวกขึ้นมา 1% ปิดที่ 4.06 บาท หรือเพิ่มขึ้น 0.04 บาท
ปลายสัปดาห์ก่อนหุ้นทั้งสองตัวได้รับ Sentiment เชิงบวกหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดีคลิปเสียงให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และคณะรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง ทำให้มีโอกาสที่นายอนุทิน อาจได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เนื่องจากพรรคภูมิใจไทยเดินเกมเร็วประกาศความพร้อมรับข้อเสนอพรรคประชาชนที่จะยุบสภาใน 4 เดือนและแก้รัฐธรรมนูญ แลกกับการโหวตสนับสนุนนายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี
แต่เกมมาพลิกไปอีกด้านเมื่อสุดสัปดาห์พรรคเพื่อไทยก็ส่งแกนนำเจรจากับพรรคประชาชนเพื่อแสดงเจตนารมณ์ที่จะรับข้อเสนอเช่นกัน พร้อมเพิ่มเติมข้อสัญญาด้วย เพื่อข่วงชิงโอกาสการเสนอชื่อแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่
บล.เอเซียพลัส ระบุว่าจากประเด็นการเมืองนำมาสู่การพยายามจับขั้วทางการเมือง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่และเลือกนายกฯ คนใหม่ในขณะนี้จะทำให้ตลาดผันผวนไปตามกระแสข่าว
การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ หลังการพ้นตำแหน่งของแพทองธาร มีการเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ (พรรคเพื่อไทย) และนายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) เป็นแคนดิเดตนายกฯ ผ่านทั้ง 2 พรรคที่มีสิทธิเสนอชื่อนายกฯ ซึ่งต้องมีพรรคประชาชนเข้ามาร่วมในสมการ เพื่อให้คะแนนเกิน 248 เสียง
ขณะที่เงื่อนไขของพรรคประชาชน พรรคประชาชนได้เสนอ 3 เงื่อนไข ได้แก่ ยุบสภาภายใน 4 เดือน จัดประชามติแก้รัฐธรรมนูญ และไม่เข้าร่วมรัฐบาล
การฟอร์มทีมรัฐบาลชั่วคราว 4 เดือน มีโอกาสเอนเอียงไปทางสีส้ม-น้ำเงินมากกว่า เนื่องจาก
1. แคนดิเดตในฝั่งพรรคเพื่อไทยยังไม่ปรากฏตัว (อาจเป็นคนอื่นก็ได้) แสดงถึงการให้เกียรติน้อยกว่าภูมิใจไทย
2. พรรคเพื่อไทยเดินต่อน่าจะแก้ไขประเด็นกัมพูชาให้ประชาชนเชื่อมั่นไม่น่าได้
3. เสียงของภูมิใจไทยน้อยกว่า น่าจะผิด TOR ได้น้อยกว่า
สถานการณ์ทางการเมืองไทยยังคงมีความผันผวนสูง การจัดตั้งรัฐบาลใหม่เป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูเสถียรภาพและแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ-ชายแดนผ่านการเบิกจ่ายงบประมาณปี 69 ในช่วงเวลาปกติให้ทัน อย่างไรก็ตาม ข้อเรียกร้องที่หลากหลายจากภาคส่วนต่างๆ รวมถึงข้อจำกัดจากคะแนนเสียงในสภา ทำให้การหาทางออกเป็นไปอย่างยากลำบาก และอาจนำไปสู่การยุบสภาหรือการเลือกตั้งใหม่ในอนาคตอันใกล้
อย่างไรก็ตาม แม้การเมืองไทยร้อนแต่ยังไม่ถึงทางตัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็เดินไปสู่การได้นายกฯ คนใหม่อยู่ดี เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสผันผวนช่วงสั้น แต่หากมีทิศทางที่ชัดขึ้นมีโอกาสหนุนตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวเหมือนเหตุการณ์ 2 ปีที่แล้ว ตอนเปลี่ยนนายกฯ หุ้นขึ้นเฉลี่ย 10% ใน 2 เดือนถัดมา
หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลต่อ แนะนำ BTS BEM ADVANC SC SIRI
หากพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาลแทน แนะนำ STECON STPI
ส่วนกลยุทธ์ช่วงนี้ ต้องเลือกหุ้นมีปัจจัย แนะหุ้นรับดอกเบี้ยขาลง MTC, SPALI ส่วนหุ้นรับ TARIFF สหรัฐ คือ CPF
หุ้นเมืองนอก หรือ DR เลือก AAPL80 รอ IPHONE 17 ใกล้เปิดตัว และ SANOFI80 ผันผวนต่ำตอบรับตลาดที่มักย่อตัวเดือน ก.ย.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.ย. 68)