BA รับไทย-เขมรพิพาททุบกำไรปี 68 มั่นใจรายได้รวมยังโตแม้หั่นเป้าจำนวนผู้โดยสาร-ปรับแผนรับมือ

นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินกรุงเทพ [BA] กล่าวว่า กำไรจากการดำเนินงานปีนี้คาดว่าจะอ่อนตัวจากปีก่อนที่มีกำไรจากการดำเนินงาน 5.4 พันล้านบาท เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอ และบริษัทได้รับผลกระทบจากเหตุข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลให้ผู้โดยสารลดลง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากยุโรปที่ยกเลิกการเดินทางไป ทำให้บริษัทต้องปรับแผนยกเลิกการเช่าเครื่องบิน 2 ลำมารองรับช่วงไฮซีซั่น พร้อมปรับลดเที่ยวบินในกัมพูชา โดยกรุงเทพ-พนมเปญ จาก 3 เที่ยวบิน/วัน ลดเหลือ 1 เที่ยวบิน/วัน กรุงเทพ-เสียมราฐ ปรับเครื่องบินเล็กลงมาใช้เครื่องแบบใบพัด ATR แทนการใช้แอร์บัส A319 แต่ยังคงไว้ 3 เที่ยวบิน/วัน

บริษัทปรับลดเป้าหมายจำนวนผู้โดยสารปี 68 มาที่ 4.3 ล้านคน จากเป้าหมายเดิม 4.7 ล้านคน โดยคาดว่ารายได้จากตั๋วโดยสารใกล้เคียงปีก่อนที่มี 1.8 หมื่นล้านบาท ส่วนรายได้รวมเชื่อว่ายังเติบโต 4% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2.6 หมื่นล้านบาท เพราะนอกเหนือจากตั๋วโดยสาร บริษัทยังมีรายได้จากครัวการบิน คลังสินค้าและบริการภาคพื้นเข้ามาเสริม

นายพุฒิพงศ์ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์การเมืองมองว่าส่งผลต่อภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะประเด็นความมั่นคง หากประเทศไหนมีเหตุการณ์ทำให้นักท่องเที่ยวต้องกังวลเรื่องความมั่นคงและความปลอดภัย ทำให้นักท่องเที่ยวไม่อยากไปเที่ยวประเทศนั้นๆ แต่ขณะนี้ยอดจองตั๋วล่วงหน้าในเดือน ก.ย.-ธ.ค.68 ยังเติบโต 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเส้นทางสมุยโต 7% แต่เส้นทางระหว่างประเทศ ลดลง3%

สำหรับฝูงบินของบางกอกแอร์เวย์สปี 68 ยังอยู่ที่ 23 ลำเท่าเดิม ส่วนปีหน้าจะรับมอบเครื่องบินแอร์บัส A319 หรือ A320 อีกจำนวน 2-3 ลำ นอกจากนี้ เพิ่งเซ็นสัญญาซื้อเครื่องบินใหม่ ATR จำนวน 10 ลำ มูลค่ารวมประมาณ 6-7 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับมอบในช่วงปลายปี 69-71 ส่วนฝูงบินชุดใหม่ที่จะสั่งซื้อรวม 20 ลำ เป็นเครื่องบินลำตัวแคบ เช่น A320 และ B737 คาดว่าจะเปิดรับเงื่อนไขเสนอขายเครื่องบินในปลายปี 69 เป็นไปตามแผน 5 ปี เพียงแต่ว่าต้องปรับตามสถานการณ์ซัพพลายเชนของเครื่องบิน โดยระหว่างนั้นจะมีการคืนและขายเครื่องเก่า ATR 10 ลำ ด้วย แต่ทั้งหมดนี้จะนำไปสู่เป้าหมายการขยายฝูงบินให้ได้ 40 ลำ เท่ากับขนาดฝูงบินที่ BA เคยมีก่อนสถานการณ์โควิด

สำหรับแผนขยายสนามบินตราด เฟสแรกลงทุน 400 ล้านบาท รองรับผู้โดยสารเป็น 250,000 คน/ปี จากปัจจุบันรองรับได้ 80,000-90,000 คน/ปี คาดจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3/68 โดยคาดว่านักท่องเที่ยวจีนค่อยๆกลับมา เพราะก่อนโควิดก็ให้ความสนใจที่จะบินมาลงที่สนามบินตราดค่อนข้างมาก

และ บริษัทยังได้เตรียมแผนขยายสนามบินตราดเฟส 2 แล้ว แต่ยังต้องขอติดตามการเติบโตของผู้โดยสารระยะหนึ่งก่อน โดยประเมินว่าในอีก 4-5 ปีหากจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นกว่านี้จะเดินหน้าเฟสสองด้วยการสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ เพื่อให้สนามบินตราดสามารถรองรับเที่ยวบินระหว่างประเทศได้ และยังเปิดให้สายการบินอื่นเข้ามาใช้บริการได้ด้วย

“หลังจากปรับปรุงสนามบิน เชื่อว่าน่าจะเห็นตราดมีศักยภาพมากขึ้น ที่มีแหล่งท่องเที่ยวมากอย่าง เกาะช้าง เกาะกูด เกาะหมากและจังหวัดใกล้เคียง”นายพุฒิพงศ์ กล่าว

ช่วงครึ่งแรกปี 68 สนามบินตราดมีจำนวนผู้โดยสาร 40,427 คน คาดทั้งปีมี 8-9หมื่นคน จากปี62 (ก่อนโควิด) มีผู้โดยสาร 99,574 คน

นอกจากนี้ BA ยังอยู่ระหว่างเตรียมขยายสนามบินสมุย ปรับปรุงให้รองรับการเติบโตผู้โดยสารมากขึ้น โดยมีพื้นที่อาคารรับรองผู้โดยสารเป็น 4,000 ตร.ม..จาก 2,000 ตร.ม.โดยโครงการทั้งหมด 3 พันล้านบาท โดยจะแบ่งเป็น 2 เฟส ซึ่งเฟสแรกจะใช้งบลงทุน 1,500 ล้านบาท คาดเริ่มก่อสร้างในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า

 

*MRO แบ่งพื้นที่กับ THAI ในอู่ตะเภา

นายพุฒิพงศ์ กล่าวถึงความคืบหน้าของโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) ว่า BA และ บมจ.การบินไทย [THAI] ได้ยื่นข้อเสนอกับทางอีอีซีในการเข้าใช้พื้นที่สนามบินอู่ตะเภา 200 ไร่เพื่อดำเนินโครงการดังกล่าวแล้ว

BA และ THAI ได้ตกลงว่าจะไม่มีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน เพราะจะต้องขอใบอนุญาตกิจการซ่อมบำรุงฯ ใหม่ซึ่งจะต้องใช้เวลา แต่จะเป็นการแบ่งพื้นที่กัน โดย BA ใช้พื้นที่ 30 ไร่ และให้ต่างคนต่างดำเนินการ ซึ่งในส่วนของ BA จะลงทุนโรงซ่อมเครื่องบิน 1 ลำ ใช้เงินลงทุนประมาณ 1 พันล้านบาท ส่วน THAI คาดว่าจะแบ่งการลงทุนเป็นเฟส

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.ย. 68)