ภายหลังจากการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน รายไตรมาส หรือ รายปี เสร็จสิ้นลง เรามักเห็นการรายงานการซื้อขายหุ้น ของบรรดาผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียน
การที่ผู้บริหารของบริษัทเข้าซื้อหุ้นของบริษัทตนเอง มักถูกมองว่าเป็น “สัญญาณ” ที่ตลาดและนักลงทุนภายนอกให้ความสนใจ เพราะผู้บริหารถือเป็นคนที่รู้สถานะธุรกิจและแนวโน้มของบริษัทดีที่สุด โดยสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับตัวบริษัท
การซื้อหุ้น ส่วนหนึ่งถือเป็นสัญญาณสะท้อนว่าผู้บริหารมั่นใจว่าราคาหุ้นปัจจุบันต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง (Undervalue) รวมถึงส่งสัญญาณถึงความเชื่อมั่นในผลประกอบการและการเติบโตในอนาคต
นักลงทุนมักตีความว่า ถ้าผู้บริหารยังกล้าซื้อ หุ้นก็น่าจะมี “Upside” หรือ “ข่าวดี” ที่กำลังจะมา ทำให้เกิด Sentiment การชี้นำเชิงบวกต่อราคาหุ้นในตลาด
นอกจากนี้ การที่ผู้บริหารถือหุ้นเพิ่มขึ้น แปลว่าจะได้ผลประโยชน์ร่วมกับผู้ถือหุ้นรายอื่นที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้เกิดความเชื่อว่าผู้บริหารจะสร้างมูลค่าองค์กร (Shareholder Value) ให้มากขึ้น
แต่ในบางครั้ง การซื้อหุ้น สามารถใช้กลบข่าวลบที่ออกมาเกินกว่าความเป็นจริง ทั้งที่บริษัทไม่ได้มีปัญหาหนักอย่างที่มีกระแสข่าวลือออกมา อีกทั้งยังสามารถมองได้ว่าผู้บริหารนั้นมีสภาพคล่องและการเงินส่วนตัวที่ดี
ในทางกลับกัน “การซื้อหุ้น” สามารถตีความเป็นสัญญาณที่ต้องควรระวังได้เช่นกัน
กล่าวคือ หากผู้บริหารซื้อหุ้นเพียงเล็กน้อยเพื่อ สร้างภาพลักษณ์ โดยไม่มีผลจริงต่อการถือครอง ก็อาจไม่สะท้อนมุมมองเชิงบวกจริง ตามอย่างที่นักลงทุนทั่วไปคิด
สำหรับ ข้อเสียหรือความเสี่ยง ที่นักลงทุน ควรนำมาพิจารณาประกอบการจัดสินใจ ก่อนเข้าลง มีดังนี้
1. ให้ระวัง การใช้เพื่อ”สร้างภาพลักษณ์” มากกว่า “ความจริง”เนื่องจาก ผู้บริหารบางรายอาจซื้อหุ้นเพียงเล็กน้อย เพื่อให้ดูเหมือนมั่นใจในบริษัท ทำให้นักลงทุนภายนอกอาจ “ตีความเกินจริง” ว่าจะมีอนาคตดี ทั้งที่จริงอาจไม่ใช่ก็ได้
2. “สัญญาณหลอก”ในกรณีที่หากเป็นหุ้นที่มีผลประกอบการที่ออกมาไม่ดี แต่ราคาหุ้นกลับวิ่งสวนทาง รวมถึงมีผู้บริหารเข้ามาซื้อหุ้นโชว์ ในจังหวะที่ราคาหุ้นปรับตัวสวนข่าวร้าย ก็อาจจะมีการปล่อยข่าวของเหตุผลที่หุ้นปรับตัวขึ้น เพราะข่าวร้ายได้ผ่านพ้นไปแล้ว พร้อมกับปล่อยข่าวว่าไตรมาสถัดไปจะดีกว่า
โดยวิธีการดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อลดแรงเทขายไม่ให้เกิดขึ้นทันทีที่”ข่าวร้ายปรากฎ” และราคาหุ้นอาจปรับขึ้นช่วงสั้น ๆ จากข่าวการซื้อหรือชี้นำของผู้บริหาร แต่ระยะยาวราคาหุ้นอาจกลับตัวร่วงลงมาตามสภาพความเป็นจริง
3. ไม่ได้สะท้อนพื้นฐานเสมอไป การซื้อหุ้นอาจเกิดจากเหตุผลส่วนตัว เช่น การวางแผนการเงินส่วนตัว หรือรักษาสัดส่วนการถือหุ้น จึงไม่ได้หมายความว่าบริษัทจะเติบโตเสมอไป
4. ไม่ใช่สัญญาณดี ในระยะยาวเสมอ การที่ผู้บริหารซื้อหุ้นวันนี้ อาจขายในอนาคตหากราคาขึ้น ซึ่งนักลงทุนรายย่อย ไม่สามารถคาดเดา ได้เลยว่า จะขายทิ้งเมื่อไหร่
แต่นักลงทุนที่ “ตามซื้อ” จากข่าวดังกล่าว อาจติดดอยได้ หากพื้นฐานไม่สนับสนุน หรือ เกมนี้จบลง
ทั้งนี้ นักลงทุน ไม่ควรเอาเกณฑ์ การที่ผู้บริหารซื้อหุ้น มาใช้เป็นเหตุผลหลักในการลงทุน เพราะอาจเป็นเพียงสัญญาณด้านภาพลักษณ์ หรือมีแรงจูงใจส่วนตัวอื่น ๆ เพียงด้านเดียว คือ “ความเชื่อว่า…”
ทางที่ดี ควรดูปัจจัยพื้นฐานธุรกิจ งบการเงิน และแนวโน้มธุรกิจร่วมด้วยเป็นสำคัญ
ธิติ ภัทรยลรดี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ก.ย. 68)
