ทรัมป์จ่อใช้กำแพงภาษีบริษัทชิปที่ไม่ย้ายฐานผลิตเข้าสหรัฐฯ ขู่ตั้งอัตรา “สูงพอสมควร”

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศในวันพฤหัสบดี (4 ก.ย.) ว่าเตรียมใช้มาตรการกำแพงภาษีกับบริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ทุกรายที่ไม่ยอมย้ายฐานการผลิตเข้ามาตั้งในสหรัฐฯ พร้อมส่งสัญญาณว่าอัตราภาษีจะอยู่ในระดับที่ “สูงพอสมควร” เพื่อบีบให้บริษัทยักษ์ใหญ่ต้องตัดสินใจ

ในการให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวก่อนงานเลี้ยงอาหารค่ำร่วมกับบรรดาผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ ทรัมป์ระบุว่า เรื่องนี้ได้หารือกันแล้ว และจะดำเนินการในไม่ช้า

“เราจะตั้งกำแพงภาษีกับบริษัทที่ไม่เข้ามาลงทุนในประเทศ… แต่หากพวกเขาย้ายเข้ามา สร้างโรงงาน หรือมีแผนที่จะเข้ามา ก็จะไม่มีการเก็บภาษี” ทรัมป์กล่าว พร้อมย้ำว่า “ถ้าไม่เข้ามา ก็ต้องเสียภาษี”

ทรัมป์ยังได้ยกตัวอย่าง โดยกล่าวพาดพิงถึง ทิม คุก ซีอีโอของแอปเปิ้ล (Apple) ซึ่งนั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วยว่า “อย่าง ทิม คุก ผมว่าเขาน่าจะสบายใจได้”

ท่าทีดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่แอปเปิ้ลเพิ่งประกาศเพิ่มงบลงทุนในสหรัฐฯ เป็น 6 แสนล้านดอลลาร์ในอีก 4 ปีข้างหน้า ขณะเดียวกัน บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านชิปจากเอเชีย ทั้ง TSMC ของไต้หวัน, ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ (Samsung Electronics) และเอสเค ไฮนิกซ์ (SK Hynix) ของเกาหลีใต้ ต่างก็ได้ประกาศแผนการลงทุนสร้างโรงงานในสหรัฐฯ ไปก่อนหน้านี้แล้ว

ทั้งนี้ นโยบายกำแพงภาษีถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทรัมป์ใช้กดดันทางการเมืองและเจรจาต่อรองผลประโยชน์ทางการค้า ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนที่แล้ว ทรัมป์เคยเปรยไว้ว่าอาจตั้งกำแพงภาษีนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์สูงถึง 100% สำหรับบริษัทที่ไม่ยอมย้ายฐานการผลิต

อย่างไรก็ตาม การใช้กำแพงภาษีของทรัมป์กำลังเผชิญกับความท้าทายทางกฎหมาย หลังจากที่ศาลอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยว่ามาตรการภาษีศุลกากรส่วนใหญ่ที่ประกาศใช้กับประเทศทั่วโลกนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขณะที่รัฐบาลทรัมป์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาให้เร่งพิจารณาเพื่อคงอำนาจตามกฎหมายปี 2520 ที่ให้อำนาจประธานาธิบดีในสถานการณ์ฉุกเฉิน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ก.ย. 68)