
รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมยกเลิกข้อเสนอของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่กำหนดให้สายการบินจ่ายค่าชดเชยเป็นเงินสดให้แก่ผู้โดยสาร หากเที่ยวบินในสหรัฐฯ ล่าช้าหรือถูกยกเลิกจากความผิดพลาดของสายการบินเอง โดยเอกสารที่ทำเนียบขาวเผยแพร่ในวันพฤหัสบดี (4 ก.ย.) ระบุว่า กระทรวงคมนาคมจะถอนข้อเสนอดังกล่าวเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบัน
รายงานระบุว่า แผนเดิมที่เสนอในสมัยไบเดน กำหนดให้สายการบินต้องจ่ายค่าชดเชย 200-300 ดอลลาร์ หากเที่ยวบินภายในประเทศล่าช้าเกิน 3 ชั่วโมง และสูงสุด 775 ดอลลาร์หากล่าช้านานกว่านั้น ซึ่งเป็นเหตุให้สายการบินสหรัฐฯ หลายแห่งออกมาวิจารณ์อย่างหนัก
ปัจจุบัน สายการบินในสหรัฐฯ มีเพียงข้อบังคับต้องคืนเงินกรณีเที่ยวบินถูกยกเลิก แต่ไม่มีข้อกำหนดเรื่องการจ่ายเงินชดเชยเมื่อเกิดความล่าช้า ขณะที่สายการบินรายใหญ่ตกลงตั้งแต่ปี 2565 ว่าจะรับผิดชอบค่าอาหาร ค่าที่พัก และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ หากเป็นต้นเหตุของปัญหาเที่ยวบินขัดข้อง
เมื่อเทียบกับหลายประเทศ เช่น สหภาพยุโรป (EU) แคนาดา บราซิล และอังกฤษ ต่างมีกฎหมายบังคับให้สายการบินจ่ายค่าชดเชยเป็นเงินสดในกรณีที่เที่ยวบินล่าช้า
ด้าน Airlines for America ซึ่งเป็นกลุ่มตัวแทนสายการบินสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ ออกแถลงการณ์ชื่นชมการตัดสินใจดังกล่าว โดยระบุว่าแผนของไบเดนจะสร้างภาระเกินความจำเป็น และผลักภาระไปสู่ผู้โดยสารผ่านราคาตั๋วที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม บารัต รามามูรติ อดีตที่ปรึกษาเศรษฐกิจของไบเดน ระบุว่า กฎนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้ผู้โดยสารได้รับเงินชดเชยจริงสำหรับเที่ยวบินที่ล่าช้าหรือถูกยกเลิกเท่านั้น แต่ยังทำให้จำนวนเที่ยวบินที่ล่าช้าหรือถูกยกเลิกลดลงอย่างมีนัยสำคัญด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ก.ย. 68)