
หลังจากที่มีการเสนอชื่อแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี โดยพรรคภูมิใจไทย ได้เสนอชื่อ นายอนุทิน ชาญวีรกุล และพรรคเพื่อไทย เสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ แล้ว นายไชยา พรหมา รองประธานฯ คนที่หนึ่ง ได้เปิดให้แต่ละฝ่ายอภิปรายได้ 2 ชั่วโมง แบ่งฝ่ายละ 1 ชั่วโมง
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส. จ.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้สนับสนุนนายชัยเกษม กล่าวว่า ข้อตกลงร่วมระหว่างพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน (MOA) 5 ข้อ ในการเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย เป็นข้อตกลงที่ขัดหลักการปกครองเสียงข้างมาก และเคารพเสียงข้างน้อย ที่พรรคประชาชน ไม่ร่วมคณะรัฐมนตรี และจะใช้กลไกสภา ควบคุมตรวจสอบรัฐบาลพรรคภูมิใจไทย ผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ทั้งนี้ หากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลพรรคภูมิใจไทย จะมีเสียงไว้วางใจได้อย่างไร และหลักเสียงข้างมาก 14 ล้านเสียง มอบให้พรรคประชาชน และ 1 ล้านเสียงให้พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาชน ก็กำลังมอบ 14 ล้านเสียง ให้ 1 ล้านเสียง ซึ่งเป็นการทำลายหลักประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิง และยังเป็นการยอมรับอำนาจนอกระบบ เข้ามาครอบงำชี้นำสภาผู้แทนราษฎร
นพ.ชลน่าน ระบุว่า วันนี้สมาชิกสภาฯ แห่งนี้ได้เข้าชื่อกัน ไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ได้ทำเรื่องผ่านไปยังประธานสภาฯ ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความชอบในกระบวนการที่เราเลือกนายกรัฐมนตรีวันนี้ จึงต้องขอให้ประธานวินิจฉัยว่าการเลือกในวันนี้เป็นอย่างไร และสิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือการที่พรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยไปมีข้อตกลงร่วมกัน หากดูบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 114 คือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรย่อมเป็นผู้แทนกลุ่มชนชาวไทย ไม่ควรอยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติ หรือครอบงำใด ๆ และต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อส่วนรวมของประเทศและผาสุขของพี่น้องประชาชน โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์
“MOA นี้ เพื่อประโยชน์ใครครับ เพื่อประโยชน์ของพรรคประชาชน เพื่อประโยชน์ของอนุทิน ชาญวีรกูล หรือเปล่า ผมไม่ต้องตอบครับ สมาชิกสภาฯ แห่งนี้ตอบได้ ทุกสำนักบอกว่า หากการยุบสภาฯ เลือกตั้ง พรรคไหนจะมีคะแนนเป็นอันดับหนึ่ง พรรคประชาชนเป็นอันดับหนึ่ง ฉะนั้นไม่เป็นประเด็นอะไรเลย ไม่มีข้อสงสัยเลยทำไมพรรคประชาชนถึงเรียกร้องให้มีการยุบสภาฯ เพราะต้องการอำนาจจากประชาชนที่เป็นอำนาจชอบธรรม ผมไม่ได้ว่าท่านผิดเป็นอำนาจชอบธรรม เพราะเป็นอำนาจที่ประชาชนมอบให้ แต่การกระทำโดยวิธีการแบบนี้เพื่อให้มีการยุบสภาฯ และได้มาซึ่งอำนาจอันชอบธรรมนั้น กระบวนการชอบหรือไม่” นพ.ชลน่าน กล่าว
นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ได้ยินกระแสข่าวหนาหูว่ามีการใช้เงิน 1,500-2,000 ล้านบาท เริ่มจากสส.พรรคเพื่อไทยหายไป 8 คน คุณสมบัติของนายกรัฐมนตรี ต้องเป็นคนที่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีจริยธรรมที่ดี พร้อมขอท้าสาบานที่วัดพระแก้วว่า ไม่มีการสนับสนุนเงินต่าง ๆ มาโดยบริสุทธิ์ และหากมาโดยไม่บริสุทธิ์ ให้มีอันเป็นไปภายใน 7 วัน 9 วัน
ขณะที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ระบุว่าการทำข้อตกลง MOA ระหว่างพรรคประชาชน กับพรรคภูมิใจไทย ส่งผลต่อสถานภาพของพรรคประชาชนในการทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติที่จะตรวจสอบรัฐบาลโดยไม่มีประสิทธิภาพ ไม่มีความเข้มแข็ง ขณะที่พรรคภูมิใจไทยมีข้อกล่าวหาพัวพันเรื่องการฮั้วเลือก สว., การแต่งตั้งบุคคลเข้าไปเป็นกรรมการในองค์การอิสระ, การตรวจทุจริตที่ดินเขากระโดง
แต่หากเลือกนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกรัฐมนตรี จะเหมือนยุคนายอานันท์ ปันยารชุน ที่เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจสามารถยุบสภาได้ภายใน 20 วัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ก.ย. 68)