TOPICSTODAY: เกาะติดโผครม.”อนุทิน 1″/จับตารัฐบาลปัดฝุ่นโครงการ “คนละครึ่ง”

ความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ร้อนแรงต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่เว้นแม้ในช่วงวันหยุดที่สุดท้ายแล้ว ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ในลำดับ 32 จากพรรคสีน้ำเงิน คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ภายใต้บุคลิกที่เด็ดขาด ชัดเจน ทำงานไว ทำให้ได้เห็นโฉมหน้าโผรัฐมนตรีใน “ครม.อนุทิน 1” แบบไม่เป็นทางการแล้วถึง 99.9725% โดยตำแหน่งที่ชัดเจนและไม่เปลี่ยนแปลงแน่นอนแล้ว คือ ตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ที่นายกฯ หนู ออกปากว่าจะนั่งคุมเองอย่างแน่นอน

ส่วนโควต้ารัฐมนตรีจากคนนอกที่ชัดเจน และได้เปิดชื่อวางตัวลงไปคุมกระทรวงแล้ว เช่น “กระทรวงการคลัง” เป็นนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อดีตอธิบดีกรมธนารักษ์ และเป็นลูกหม้อสายตรงของกระทรวงการคลัง ผ่านตำแหน่งอธิบดีกรมสำคัญในสังกัดกระทรวงการคลังมาแล้วหลายกรม ต่อมา คือ “กระทรวงการต่างประเทศ” เป็นนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ซึ่งเป็นอดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศมาก่อน มีความรู้ความสามารถเป็นที่ได้รับการยอมรับอย่างดี และ “กระทรวงพลังงาน” เป็นนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ปตท. (PTT)

นอกจากนี้ ต้องจับตาโผ ครม. ในกระทรวงสำคัญอีก เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงยุติธรรม ตลอดจนกระทรวงอื่น ๆ ซึ่งรอบนี้พรรคภูมิใจไทย มีโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรีถึง 12 กระทรวง และล่าสุดเมื่อคืนก็มีข่าวว่ามีการขยับปรับโผกันอีกชุด ดังนั้น วันนี้คงยังต้องติดตามกันต่อสำหรับโผรายชื่อ “ครม.อนุทิน 1” ที่น่าจะทยอยออกมาให้เห็นเค้าลางกันมากขึ้น

 

– เมื่อนายกรัฐมนตรี คนใหม่ไฟแรง ประกาศนโยบายเร่งด่วน 4 ด้าน พร้อมทำงานทันที ได้แก่ 1.การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน 2.การแก้ปัญหาด้านความมั่นคง โดยเฉพาะกรณีข้อพิพาทระหว่างไทยกัมพูชา 3.การแก้ปัญหาภัยธรรมชาติ ที่รัฐบาลจะเร่งระบบชดเชยความเสียหายให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยให้เร็วที่สุด และ 4. การแก้ปัญหาภัยสังคม เดินหน้าปราบปรามยาเสพติด การพนัน สแกมเมอร์อย่างจริงจัง

ซึ่งหนึ่งในนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่คนไทยขานรับมากที่สุดในตอนนี้ หนีไม่พ้น “มาตรการคนละครึ่ง” ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในสมัยรัฐบาลลุงตู่ และเห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในแง่ของการจับจ่ายใช้สอย และเงินหมุนเวียนลงในระบบเศรษฐกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในฝั่งของประชาชน และร้านค้าต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่ชัดเจนแล้วว่ารัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน จะนำ “นโยบายคนละครึ่ง” กลับมาปัดฝุ่นใช้อีกแน่นอน

 

– พรรคเพื่อไทย ยังเดินเกมเอาคืน โดย ส.ส.ประมาณ 60 คนได้ร่วมกันเข้าชื่อยื่นต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (2) ประกอบมาตรา 185 (1) และ (2) กรณีทำ MOA ยุบสภา 4 เดือนและทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญแลกโหวตนั่งนายกรัฐมนตรี

 

– “เก่าไป ใหม่มา” เป็นสัจธรรมที่ย่อมหนีไม่พ้น วันนี้ที่กระทรวงการคลัง มีการจัดงานแสดงความขอบคุณ และร่วมอำลา นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง พร้อมด้วย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง โดยมีนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ตลอดจนข้าราชการระดับสูงของกระทรวงเข้าร่วมงาน

 

– อีกความเคลื่อนไหวที่ต้องจับตา คือ การเดินทางกลับเข้าประเทศของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย ที่ทำให้สังคมฮือฮาด้วยการเดินทางออกนอกประเทศ ในช่วงที่สถานการณ์การเมืองภายในประเทศกำลังเข้มข้น เนื่องจากเป็นรอยต่อของการเปลี่ยนรัฐบาล อีกทั้งยังใกล้กับวันพิพากษาในคดีการบังคับโทษ หรือคดีชั้น 14 รพ.ตำรวจ ที่ทำให้ทุกคนต่างลุ้นว่านายทักษิณ จะเดินทางกลับประเทศไทย เพื่อมาฟังคำพิพากษาในวันที่ 9 ก.ย.นี้หรือไม่

โดยล่าสุด มีรายงานว่าเครื่องบินของนายทักษิณ บินมาลงจอดที่ประเทศสิงคโปร์แล้วตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และต้องจับตาดูว่าภายในวันนี้ นายทักษิณ จะเดินทางกลับเข้าประเทศไทยหรือไม่

 

– สถานการณ์ภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะน้ำท่วมและน้ำป่าไหลหลากที่ยังคงน่าเป็นห่วง ทั้งในพื้นที่หลายจังหวัดทางภาคเหนือ และภาคอีสาน ตลอดจนภาคกลาง และกรุงเทพฯ ที่ยังต้องเฝ้าระวังระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับยังมีฝนตกหนักในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งภาคตะวันออก ซึ่งจะทำให้เกิดความเสี่ยงน้ำท่วมขัง และน้ำรอการระบาย

โดยล่าสุดภาพถ่ายดาวเทียม และภาพเรดาร์จากกรมอุตุนิยมวิทยา ระบุพบเมฆฝนปกคลุมบริเวณภาคอีสานตอนบน ภาคตะวันออก (ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด) และในอ่าวไทย ยังต้องเฝ้าระวังฝนตกหนัก ฝนตกสะสม ตามแนวร่องมรสุมในช่วง 1-3 วันนี้

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ก.ย. 68)