
เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้จัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินในวันพุธ (17 ก.ย.) โดยที่ประชุมมีมติ 11 ต่อ 1 เสียง อนุมัติการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ขณะที่สตีเฟน มิแรน ซึ่งเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกคณะผู้ว่าการเฟด โหวตสวนมติในที่ประชุม โดยเขาลงมติให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งนี้
ในการแถลงข่าวครั้งนี้ พาวเวลกล่าวว่าการตัดสินใจของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ในวันพุธนั้น สะท้อนถึงความต้องการที่จะควบคุมความเสี่ยงที่มีต่อเศรษฐกิจ
“คุณอาจมองว่านี่เป็นการปรับลดดอกเบี้ยเพื่อบริหารจัดการความเสี่ยง” พาวเวลกล่าว และเสริมว่า “ภาพความเสี่ยงที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างมากได้ปรากฏให้เห็นแล้ว เนื่องจากตลาดแรงงานเริ่มชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ พาวเวลกล่าวว่า การจ้างงานมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเผชิญภาวะขาลงเมื่อเทียบกับตัวเลขเงินเฟ้อ แต่ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อยังคงต้องมีการประเมินและต้องควบคุม
*คาดเงินเฟ้อจากราคาสินค้าจะยังคงเพิ่มขึ้นตลอดช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้จนถึงปีหน้า
พาวเวลกล่าวว่า บริษัทต่าง ๆ ได้ส่งผ่านต้นทุนจากภาษีศุลกากรไปให้กับผู้บริโภคอย่างช้า ๆ แต่เขาคาดว่าผลกระทบจะเพิ่มขึ้นตลอดช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ไปจนถึงปีหน้า
“เราเริ่มเห็นราคาสินค้าทำให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น และจริง ๆ แล้วการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้ามีส่วนทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อเกือบทั้งหมดปรับตัวสูงขึ้น หรืออาจจะเป็นสาเหตุทั้งหมดของการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อตลอดทั้งปีนี้” พาวเวลกล่าว “ผลกระทบเหล่านั้นยังไม่มากนักในตอนนี้ และเราคาดว่าผลกระทบจะยังคงเพิ่มขึ้นตลอดช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้จนถึงปีหน้า”
*ผู้บริโภคได้รับผลกระทบจากภาษีศุลกากรเพียงเล็กน้อย เนื่องจากบริษัทต่าง ๆ แบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไว้
พาวเวลกล่าวว่า ดูเหมือนว่าบริษัทผู้นำเข้าจะแบกรับต้นทุนที่เกิดจากมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ไว้เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหมายความว่าผู้บริโภคยังไม่เห็นราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอันเนื่องมาจากภาษี
“สำหรับผู้บริโภค การส่งผ่านต้นทุนนั้นค่อนข้างน้อย การส่งผ่านนี้เกิดขึ้นช้ากว่าและน้อยกว่าที่เราคิด” พาวเวลกล่าว
อย่างไรก็ตาม พาวเวลกล่าวว่า บริษัทต่าง ๆ ระบุว่า ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาวางแผนที่จะส่งผ่านต้นทุนไปให้กับผู้บริโภคมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น
*กรรมการเฟดไม่มีการสนับสนุนเป็นวงกว้างสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่านี้
แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเรียกร้องให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น แต่พาวเวลกล่าวว่ามีการสนับสนุนเพียงเล็กน้อยสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ในการประชุมรอบนี้
“ในการประชุมครั้งนี้ ไม่มีการสนับสนุนเป็นวงกว้างให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ผมคิดว่าเราได้ทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่และได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่แล้วในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และเรามักจะทำเช่นนั้นในช่วงเวลาที่คุณรู้สึกว่านโยบายไม่เหมาะสมและจำเป็นต้องเปลี่ยนไปสู่จุดใหม่โดยเร็ว แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมรู้สึกในตอนนี้อย่างแน่นอน และผมเชื่อว่านโยบายที่ดำเนินมาในปีนี้นั้นเหมาะสมแล้ว”
ดังนั้นเฟดจึงเลือกที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ก.ย. 68)