
คณะที่ปรึกษาด้านวัคซีนของสหรัฐฯ มีมติเมื่อวันพฤหัสบดี (18 ก.ย.) ให้ทบทวนการใช้วัคซีนรวมสำหรับเด็กเล็ก ซึ่งถือเป็นอีกก้าวสำคัญของโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี รัฐมนตรีสาธารณสุข ในการผลักดันการเปลี่ยนแปลงนโยบายสร้างเสริมภูมิคุ้มกันของประเทศ
คณะกรรมการชุดนี้ ซึ่งทำหน้าที่ให้คำแนะนำแก่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) ได้ลงมติไม่แนะนำให้ผู้ปกครองเลือกฉีดวัคซีนรวม หัด-คางทูม-หัดเยอรมัน-อีสุกอีใส (MMRV) ให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 4 ขวบ โดยให้กลับไปใช้วิธีแยกฉีดวัคซีนหัด-คางทูม-หัดเยอรมัน (MMR) และวัคซีนอีสุกอีใส (Varicella) แทน
คณะกรรมการฯ อ้างอิงผลการศึกษาหลายชิ้นที่ชี้ว่า เด็กเล็กที่ได้รับวัคซีนรวม MMRV มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการชักสูงกว่าเด็กที่ได้รับวัคซีนแยกเข็ม
ทั้งนี้ ตามปกติแล้ว CDC ก็แนะนำให้ฉีดวัคซีน MMR และอีสุกอีใสแยกเข็มสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 4 ขวบอยู่แล้ว เว้นแต่ผู้ปกครองจะร้องขอให้ฉีดเป็นแบบเข็มรวม
มตินี้เป็นมติแรกจากคณะกรรมการที่ปรึกษาชุดใหม่ 12 คนที่เคนเนดีเพิ่งแต่งตั้ง ซึ่งหลายคนเป็นผู้ที่เคยเคลื่อนไหวต่อต้านการใช้วัคซีนมาก่อน
เคนเนดี ซึ่งเป็นนักเคลื่อนไหวต่อต้านวัคซีนมาอย่างยาวนาน กำลังเร่งผลักดันการเปลี่ยนแปลงนโยบายวัคซีนของชาติอย่างรวดเร็ว โดยอ้างว่า การกระทำเหล่านี้จำเป็นต่อการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อหน่วยงานสาธารณสุข
อย่างไรก็ตาม โฆษกของบริษัทเมอร์ค (Merck) ผู้ผลิตวัคซีนรวม MMRV โต้แย้งว่า “การลงมติและการหารือครั้งนี้เกิดขึ้นโดยไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ใหม่ ๆ มาสนับสนุน และยังขัดแย้งกับหลักฐานที่สั่งสมมานานหลายปี ซึ่งยืนยันถึงความเหมาะสมของตารางการฉีดวัคซีนในปัจจุบัน
บรรยากาศการประชุมตลอดทั้งวันเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย เนื่องจากกรรมการชุดใหม่ยังไม่เข้าใจขั้นตอนการทำงาน และสอบถามซ้ำ ๆ ถึงผลกระทบต่อความคุ้มครองของประกันสุขภาพ จนมีกรรมการคนหนึ่งต้องงดออกเสียงเพราะไม่เข้าใจประเด็นที่กำลังลงมติ
ดร. นอร์แมน เบย์เลอร์ อดีตผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยวัคซีนของ FDA ให้ความเห็นว่า “มันสับสนมาก พวกเขาต้องชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจน”
ขณะที่ ดร. บรูซ เกลลิน อดีตผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า “ผมทึ่งมากที่ไม่มีใครลุกขึ้นมาเบรกเลย ถ้าจะทำแบบนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ผมว่าเรายังต้องไปกันอีกไกล”
นอกจากนี้ กรรมการหลายคนยังท้วงติงถึงการเปลี่ยนแปลงขั้นตอนการพิจารณาหลักฐานก่อนลงมติ โดยชี้ว่า ไม่มีการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาข้อมูลเหมือนเช่นเคย และยังมีการถอดตัวแทนจากสมาคมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านการฉีดวัคซีนออกจากการมีส่วนร่วมในกระบวนการด้วย
ดร. แอรอน มิลสโตน จากศูนย์การแพทย์เด็กจอห์นส์ ฮอปกินส์ กล่าวว่า การตัดสินใจครั้งนี้จะทำให้เด็กเข้าถึงวัคซีนได้น้อยลง และยังตัดทางเลือกของผู้ปกครองที่ต้องการให้บุตรฉีดวัคซีนน้อยเข็มลง
อนึ่ง คณะกรรมการได้เลื่อนการลงมติเรื่องวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีไปเป็นวันศุกร์นี้ (19 ก.ย.) โดยมีข้อเสนอให้ชะลอการฉีดในทารกแรกเกิดไปเป็นช่วงอายุ 1 เดือน ยกเว้นกรณีที่มารดามีผลตรวจเชื้อเป็นบวก และคาดว่าจะลงมติเรื่องคำแนะนำสำหรับวัคซีนโควิด-19 ในวันศุกร์นี้เช่นกัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ก.ย. 68)