
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และเลขานุการคณะกรรมการนโยบายเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงแห่งชาติ เปิดเผยว่า หลังจากบีโอไอให้การส่งเสริมการลงทุนแก่บริษัท Infineon Technologies ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ที่สุดของเยอรมนี ที่มีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ของโลกในกลุ่มชิปสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่ให้กำลังไฟในงานอุตสาหกรรม (Power Electronics) ซึ่งตัดสินใจเลือกไทยเป็นฐานประกอบและทดสอบเซมิคอนดักเตอร์ ประเภท Power Module ที่ใช้ในอุปกรณ์ควบคุมระบบไฟฟ้า สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ดาต้าเซ็นเตอร์ ระบบกักเก็บพลังงานและการบริหารจัดการพลังงานสะอาด โดยจะเป็นศูนย์ประกอบและทดสอบชิปที่ใหญ่ที่สุดนอกประเทศเยอรมนีของกลุ่มอินฟินีออน โดยมีพิธีวางศิลาฤกษ์โรงงานผลิตที่จังหวัดสมุทรปราการเมื่อเดือนมกราคม 2568 ที่ผ่านมา และมีแผนจ้างงานบุคลากรไทยกว่า 5,000 คน นอกจากนี้อินฟินีออนยังมีแผนดึงพันธมิตรระดับโลกเข้ามาร่วมในห่วงโซ่การผลิตในไทย เพื่อเพิ่มความสามารถในการผลิตให้รองรับตลาดทั้งในและนอกภูมิภาคอย่างมีประสิทธิภาพ
ล่าสุด Mr.George Lee, EVP and Head of Backend Operations ผู้บริหารอินฟินีออนได้นำ Mr. Manuel Zarauza Brandulas, Group Managing Director of MPI พันธมิตรรายสำคัญเข้าพบ พร้อมประกาศการโอนกิจการเดิมในส่วนการผลิต Backend Semiconductor สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์และการสื่อสารที่จังหวัดนนทบุรี ซึ่งมีพนักงานกว่า 1,000 คนให้กับบริษัท Malaysian Pacific Industries (MPI) จากประเทศมาเลเซีย ภายใต้บริษัท Carsem ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการประกอบ บรรจุ และทดสอบชิป (Outsourced Semiconductor Assembly, Packaging and Testing: OSAT) รายใหญ่ที่สุดของมาเลเซีย ให้บริการแก่ลูกค้าทั่วโลกมานานกว่า 50 ปี โดยการโอนกิจการครั้งนี้ MPI มีข้อตกลงระยะยาวในการผลิตวัตถุดิบและชิ้นส่วนเพื่อส่งต่อให้กับโรงงานแห่งใหม่ของอินฟินีออนที่จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อใช้ในการประกอบ Power Module
นอกจากนี้ MPI ยังมีแผนขยายการลงทุนในไทยเพิ่มเติมในการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ขั้นสูงสำหรับชิป (Advanced Packaging) เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้ารายอื่นด้วย
เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า การที่ Infineon ดึงผู้ผลิตชิปรายใหม่และเป็นพันธมิตรสำคัญอย่าง MPI ให้เข้ามาลงทุนในไทย แสดงถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อประเทศไทย ทั้งความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน มาตรการสนับสนุนของภาครัฐ และคุณภาพของบุคลากรไทยที่สามารถรองรับการผลิตที่มีมาตรฐานสูงได้ สำหรับในส่วนการลงทุนสร้างโรงงานแห่งใหม่ของอินฟินีออน ส่งผลบวกอย่างมากต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ไทย โดยนอกจากจะมีการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงแล้ว บริษัทยังมีแผนพัฒนาระบบนิเวศของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดยร่วมมือกับสถาบันการศึกษาและหน่วยงานด้านนวัตกรรมของไทย เพื่อพัฒนาบุคลากรสาขาวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์ รวมถึงการพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้สามารถเข้ามามีส่วนร่วมในซัพพลายเชนด้วย
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 การลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้ขอรับการส่งเสริมมากถึง 168 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1.08 แสนล้านบาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ก.ย. 68)