หุ้นยุโรปปิดทรงตัว นักลงทุนประเมินทิศทางดอกเบี้ย

ตลาดหุ้นยุโรปปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลงในวันศุกร์ (19 ก.ย.) หลังจากบรรยากาศการซื้อขายในสัปดาห์นี้ได้รับอิทธิพลจากการตัดสินใจครั้งสำคัญของธนาคารกลางหลายแห่ง รวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามที่คาดไว้ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 554.12 จุด ลดลง 0.89 จุด หรือ -0.16%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,853.59 จุด ลดลง 1.02 จุด หรือ -0.01%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,639.41 จุด ลดลง 35.12 จุด หรือ -0.15% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,216.67 จุด ลดลง 11.44 จุด หรือ -0.12%

ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น 1.26% โดยฟื้นตัวจากการร่วงลงเมื่อช่วงต้นสัปดาห์

หุ้นกลุ่มป้องกันประเทศปรับตัวขึ้น 0.8% ใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่การปรับขึ้นโดยรวมถูกหักล้างจากหุ้นกลุ่มสื่อที่ร่วงลง 2.4% ต่ำสุดในรอบสองสัปดาห์ โดยถูกกดดันจากกลุ่มโฆษณา WPP ที่ปิดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2552

หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง 0.8% ตามราคาน้ำมันที่ลดลงจากความกังวลเรื่องอุปทานล้นตลาด

แม้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค. แต่แนวโน้มการดำเนินนโยบายยังไม่ผ่อนคลายมากอย่างที่คาดไว้ ซึ่งบ่งชี้ให้เห็นถึงจังหวะการลดดอกเบี้ยในอนาคตอย่างค่อยเป็นค่อยไปและไม่มีความเร่งด่วนในการเปิดวงจรผ่อนคลายเต็มรูปแบบ

อย่างไรก็ตาม การปรับลดครั้งนี้เพียงพอที่จะหนุนสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยียุโรปที่ปรับตัวขึ้น 4.9% และเป็นกลุ่มหุ้นที่ปรับตัวได้ดีที่สุดในสัปดาห์นี้

แรงหนุนเพิ่มเติมมาจากหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ในภูมิภาคที่ปรับตัวขึ้นตามหุ้นในตลาดโลก หลัง Intel และ Nvidia ทำข้อตกลงซื้อหุ้นมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์

ธนาคารกลางนอร์เวย์ปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในสัปดาห์นี้ ขณะที่ธนาคารแห่งอังกฤษคงอัตราดอกเบี้ย

แม้บรรยากาศการซื้อขายหลังการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดค่อนข้างสดใส แต่ตลาดก็ปรับขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากความกังวลต่อหนี้สาธารณะสูงในยุโรปและผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯ ทำให้ราคาหุ้นเคลื่อนไหวในกรอบจำกัด

เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกของปีนี้ หลังได้รับแรงกดดันจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ มานานหลายเดือน

ปัจจัยต่อไปที่อาจเป็นแรงหนุนตลาดคือการใช้จ่ายทางการคลังที่รอคอยมานานของรัฐบาลในภูมิภาค โดยเมื่อวันพฤหัสบดี เยอรมนีอนุมัติงบประมาณประจำปีเป็นครั้งแรกหลังผ่อนคลายกฎการคลัง

อิตาลีมีแนวโน้มได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตจาก Fitch ซึ่งสะท้อนความมั่นคงทางการเมืองและการคลังที่ดีขึ้น

หุ้นบริษัทโลจิสติกส์ของยุโรป อาทิ Maersk และ Hapag-Lloyd ปรับลด 5.9% และ 4.8% ตามลำดับ หลังนักวิเคราะห์เตือนดัชนีค่าระวางตู้คอนเทนเนอร์ลดลง และปริมาณสินค้าที่ท่าเรือสหรัฐฯ อาจลดลง

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ก.ย. 68)