
กระทรวงสาธารณสุข ย้ำเตือนช่วงฤดูฝน ประชาชนยังไม่ควร “ปล่อยการ์ดตก” เนื่องจากพบผู้ป่วยโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจเพิ่มสูงขึ้นกว่าสัปดาห์ก่อน ทั้งโรคไข้หวัดใหญ่ และโรคติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (RSV) ขอประชาชนยึดหลัก “ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด” และรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคลสามารถป้องกันโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจได้
นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ข้อมูลจากระบบเฝ้าระวังโรคดิจิทัล (DDS) กองระบาดวิทยา พบว่า ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (7-13 ก.ย.) มีการระบาดของโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะโรคไข้หวัดใหญ่ และโรคติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี ((Respiratory Syncytial Virus: RSV) ซึ่งมีแนวโน้มพบผู้ป่วยมากขึ้นกว่าสัปดาห์ก่อน โดยมีรายงานผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้น 30,055 ราย และผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัส RSV เพิ่มขึ้น 3,454 ราย
สำหรับสถานการณ์โรคตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-20 ก.ย. 68 พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สะสม 555,074 ราย เสียชีวิต 59 ราย กลุ่มอายุที่มีอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนสูงสุด 3 อันดับแรก คือ กลุ่มอายุ 5-9 ปี รองลงมาเป็น 0-4 ปี และ 10-14 ปี ตามลำดับ ส่วนโรคติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (RSV) พบผู้ป่วยสะสม 16,145 ราย เสียชีวิต 2 ราย กลุ่มอายุที่มีอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนสูงสุด คือ 0-4 ปี รองลงมาเป็นกลุ่มอายุ 5-9 ปี และ 10-14 ปี ตามลำดับ
นพ.ภาณุมาศ กล่าวว่า ทั้งสองโรคนี้เป็นโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจที่มักพบการระบาดในช่วงฤดูฝน หากไม่มีการป้องกันที่เหมาะสมอาจเสี่ยงต่อการแพร่กระจาย และเกิดการระบาดเป็นกลุ่มก้อนได้ง่าย โดยเฉพาะในโรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก และสถานที่ชุมชน กลุ่มเสี่ยงที่ควรเฝ้าระวังซึ่งอาจนำไปสู่การเจ็บป่วยรุนแรง ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว
ทั้งนี้ แม้ว่าทั้งสองโรคจะมีอาการใกล้เคียงกัน แต่สามารถสังเกตอาการได้ ดังนี้ ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ มักมีไข้สูงเฉียบพลัน หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามตัว ปวดศีรษะ ร่วมกับอาการไอแห้ง และเจ็บคอ ส่วนผู้ป่วย RSV มักเริ่มจากมีไข้ ไอ น้ำมูกไหล แต่ที่น่ากังวลคืออาการทางระบบหายใจ เช่น หอบเหนื่อย หายใจมีเสียงหวีด (wheezing) โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ทำให้กินนมได้น้อย ซึมลง หรือมีอาการซี่โครงบุ๋มขณะหายใจ หากพบอาการรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

ด้าน นพ.ดิเรก ขำแป้น รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรค เน้นย้ำให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัด ได้แก่
1. สวมหน้ากากอนามัยเมื่อมีอาการไอจาม หรืออยู่ในสถานที่แออัดหรือที่ที่มีกลุ่มคนจำนวนมาก
2. หมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่เป็นประจำ
3. หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ป่วย
4. หากบุตรหลานมีอาการไข้ ไอ หายใจลำบาก หรือซึม ควรหยุดเรียน และรีบพาไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ก.ย. 68)