บลจ.กรุงศรี เปิดตัว 5 กอง RMF เจาะตลาดหุ้นตปท.เลือกได้ทั้ง Passive และ Active ขาย IPO 7-15 ต.ค.

นางสุภาพร ลีนะบรรจง กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงศรี เปิดเผยว่า ปีนี้ตลาดหุ้นต่างประเทศยังคงมีโอกาสที่น่าสนใจจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในหลายภูมิภาค การขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในบางประเทศ ซึ่งจะเป็นแรงสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว บลจ.กรุงศรี จึงได้เปิดตัว 5 กองทุน RMF ใหม่ เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถเข้าถึงโอกาสการเติบโตของตลาดหุ้นสำคัญทั่วโลก โดยมีทั้งกองทุนเชิงรับที่ลงทุนตามดัชนี (Passive Fund) และกองทุนเชิงรุก (Active) สำหรับผู้ต้องการโอกาสสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าตลาด

สำหรับกองทุนเชิงรับที่ลงทุนหุ้นตามดัชนี ประกอบด้วย 3 กองทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นศักยภาพสูง ได้แก่

1. กองทุนเปิดกรุงศรีเจแปนอิควิตี้อินเด็กซ์เพื่อการเลี้ยงชีพ (KF-JP-INDXRMF)ลงทุนใน NEXT FUNDS Nikkei 225 ETF ซึ่งอ้างอิงดัชนี Nikkei 225 ครอบคลุมบริษัทจดทะเบียน 225 แห่งในญี่ปุ่นที่มีสภาพคล่องสูง ในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ไอที ค้าปลีก และยา ซึ่งกองทุนจะได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นและการปฏิรูปธรรมาภิบาลของตลาดหลักทรัพย์

2. กองทุนเปิดกรุงศรีไชน่าเอชแชร์อิควิตี้อินเด็กซ์เพื่อการเลี้ยงชีพ (KF-HSHARE-INDXRMF) ลงทุนใน Hang Seng China Enterprises Index ETF ซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัทจีนชั้นนำ 50 แห่งที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง ครอบคลุมอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น เทคโนโลยีและการเงิน ทั้งนี้ตลาดหุ้นยังได้รับแรงหนุนจากการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนและฮ่องกง รวมถึงนโยบายสนับสนุนการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในภาคอุตสาหกรรมหลัก อีกทั้งผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนและกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นก็เป็นสัญญาณเชิงบวกเช่นกัน

3. กองทุนเปิดกรุงศรีไชน่าอิควิตี้ CSI 300 เพื่อการเลี้ยงชีพ (KF-CSI300-INDXRMF) ลงทุนใน ChinaAMC CSI 300 Index ETF ซึ่งเป็น ETF ขนาดใหญ่ที่ลงทุนในหุ้นจีน A-Shares ชั้นนำ 300 บริษัทแรกที่มีมูลค่าตลาดใหญ่ที่สุด ครอบคลุมอุตสาหกรรมสำคัญของเศรษฐกิจยุคใหม่ เช่น การเงิน ไอที สินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ได้รับแรงสนับสนุนจากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง เช่น การเติบโตของชนชั้นกลาง การบริโภคที่เพิ่มขึ้น และนโยบายสนับสนุนนวัตกรรมจากภาครัฐ (ที่มา: ChinaAMC (HK) ณ 31 ก.ค. 68)

ในส่วนของกองทุนเชิงรุกที่เน้นการคัดเลือกหุ้นเพื่อเป้าหมายผลตอบแทนที่สูงกว่าประกอบด้วย

1. กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลดิวิเดนด์เพื่อการเลี้ยงชีพ (KFGDIVRMF) มีนโยบายลงทุนใน Fidelity Funds – Global Dividend Fund (กองทุนหลัก) กองทุนหลักจะคัดหุ้นปันผลดีจากทั่วโลก ช่วยเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนรวมที่ดีอย่างสม่ำเสมอ ช่วยลดความเสี่ยงขาลง เสริมความแข็งแกร่งให้พอร์ตการลงทุนได้ จึงเหมาะกับสภาวะตลาดที่มีความไม่แน่นอนด้านนโยบายต่างๆ เช่น นโยบายภาษีนำเข้า และภาวะเงินเฟ้อ เป็นต้น

2. กองทุนเปิดกรุงศรียูเอสซีเล็คอิควิตี้พลัสเพื่อการเลี้ยงชีพ (KF-US-PLUSRMF) มีนโยบายลงทุนใน JPMorgan Funds – US Select Equity Plus Fund (กองทุนหลัก) ที่ได้รับ Morningstar Rating 5 ดาว (ที่มา: Morningstar ณ 31 ก.ค. 68) กองทุนหลักมีจุดเด่นเหนือกว่ากองทุนแบบจัดการเชิงรุกทั่วไป โดยพอร์ตหลักเน้นลงทุนในหุ้นที่ผู้จัดการกองทุนเชื่อมั่นเพื่อสร้างผลตอบแทนเหนือดัชนีบนความผันผวนที่ใกล้เคียงกัน ควบคู่ไปกับพอร์ตเสริมที่ใช้กลยุทธ์ Long และ Short ของหุ้นที่คัดเลือกในแต่ละอุตสาหกรรม เพื่อจัดการความเสี่ยงและหาโอกาสสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติม พอร์ตการลงทุนมีการกระจายลงทุนในหลายธุรกิจ โดยหลักทรัพย์ที่มีสัดส่วนลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ NVIDIA, Microsoft, Amazon, Apple, Meta เป็นต้น ซึ่งกองทุนหลักมีผลการดำเนินงานย้อนหลังระยะยาวที่ดี โดยผลการดำเนินงานย้อนหลังเฉลี่ย 5 ปี อยู่ที่ 17.31% ต่อปี เทียบกับดัชนีอ้างอิงอยู่ที่ 15.36% ผลการดำเนินงานย้อนหลังเฉลี่ย 10 ปี อยู่ที่ 13.89% ต่อปี เทียบกับดัชนีอ้างอิงอยู่ที่ 13.06%” (ดัชนีอ้างอิง คือ ดัชนี S&P 500 Net Total Return Index สุทธิหลังหักภาษี ณ ที่จ่าย 30%)

“เรามุ่งพัฒนากองทุน RMF อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ลงทุนมีทางเลือกในการสร้างความมั่งคั่งระยะยาวควบคู่กับสิทธิประโยชน์ทางภาษี การกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศถือเป็นส่วนสำคัญในการบริหารพอร์ตเกษียณในยุคที่เศรษฐกิจโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้ลงทุนสามารถเลือกกองทุนที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงและเป้าหมายการลงทุนของตนได้” นางสุภาพรกล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ต.ค. 68)