
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 32.12 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อน ค่าจากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 32.00/01 บาท/ดอลลาร์
เงินบาทเปิดอ่อนค่าเทียบท้ายตลาด ปัจจัยจากเมื่อคืนที่ผ่านมาดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าเทียบทุกสกุลเงิน หลังยอดขายบ้านใหม่ เดือนส.ค. ของสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด ประกอบกับ Fitch Ratings ประกาศปรับมุมมอง (Outlook) ของ ไทยจาก Stable เป็น Negative จึงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กดดันค่าเงินบาท
“เงินบาทเปิดเช้านี้ที่ 32.12 บาท/ดอลลาร์ เป็นระดับที่อ่อนค่าสุดในรอบ 3 สัปดาห์ หรือตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย. ที่ ผ่านมา” นักบริหารเงิน ระบุ สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามวันนี้คือ Fund Flow ต่างชาติ และทิศทางทองคำ
สำหรับคืนนี้รอติดตามจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่าง งานรายสัปดาห์ และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/68 ของสหรัฐฯ
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 32.00 – 32.20 บาท/ดอลลาร์
ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยน อยู่ที่ระดับ 148.82 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 148.26/27 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโร ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 1.1740 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1769/1770 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 31.946 บาท/ดอลลาร์
- “ฟิทช์ เรทติ้งส์” หั่นแนวโน้ม อันดับเครดิตไทยจากมีเสถียรภาพ ลงสู่ “เชิงลบ” ชี้แนวโน้มการคลังเสี่ยงมากขึ้นจากปัญหา การเมืองยืดเยื้อ ซ้ำด้วยเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่ยังคงอันดับเครดิตของไทยเอาไว้ ที่ BBB+
- หัวหน้าฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 1.9% และในปี 69 อยู่ที่ 1.6% แม้การเมืองคลี่คลายลงบ้างแต่ยังเสี่ยงอีกหลายด้าน ซึ่งจีดีพีในปี 69 โตต่ำกว่าปีนี้เพราะผลกระทบจากมาตรการ ภาษีสหรัฐที่เร่งส่งออกในช่วงครึ่งปีแรก ที่คาดว่าปีนี้โต 5.8% แต่ปีหน้าจะติดลบ 6% ส่วนเศรษฐกิจครึ่งปีแรกขยายตัวได้ดี จากการเร่งส่ง ออกแต่ในครึ่งปีหลังจะเติบโตช้า ส่วนการเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้น ทำให้โอกาสเกิดเศรษฐกิจถดถอยลดลง ซึ่งต้องติดตามนโยบายรัฐบาล โดยคนละครึ่ง 2.0 อาจช่วยได้บ้าง แต่ไม่ได้กระตุ้นให้เติบโตได้ดี รวมถึงติดตามการเจรจาการค้าสหรัฐ โดยเฉพาะสินค้าสวมสิทธิ์
- ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยสถิติการค้าทองคำระหว่างประเทศของไทย 8 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ส.ค.) ว่า ไทยส่งออกทองคำรวม 8,733.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 87.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นเงินบาท 280,000 ล้านบาท ขณะที่การนำเข้า 12,928.4 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 39.5% หรือ 413,000 ล้านบาท ส่งผลให้ ขาดดุลทองคำ 4,195 ล้านเหรียญฯ หรือ 135,000 ล้านบาท
- “ททท.” คาดการณ์ “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” เข้าไทยปีนี้ 33.4 ล้านคน ลดลง 6% หลังตลาดเอเชียตะวันออกหดตัวแรง เฉพาะ “จีน” ติดลบกว่า 35% อาเซียนหายไป 8% เผยได้ตลาดระยะไกล-อินเดียประคองสถานการณ์ จี้เร่งปรับภาพลักษณ์ให้สดใหม่ รับ แข่งขันเพื่อนบ้าน ลุยอัดบิ๊กอีเวนต์ไฮซีซัน ปลุกมู้ด ด้าน ส.อ.ท.ชี้ส่งออกและท่องเที่ยวไทยเสียเปรียบ คู่แข่งเรื่อง “ค่าเงิน” ฝันระยะ ยาวอยากเห็นทัวริสต์ 70 ล้านคน ปั๊มรายได้ 20-25% ของจีดีพี
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 20.5% สู่ระดับ 800,000 ยูนิตในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับ สูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2565 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 630,000 ยูนิต จากระดับ 664,000 ยูนิตในเดือนก.ค.
- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (24 ก. ย.) หลังจากเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แสดงความเห็นในเชิงระมัดระวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในวันข้างหน้า ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐฯ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (24 ก.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยฉุดตลาด ขณะที่ นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพื่อประเมิน ทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน รายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2568 และยอดขายบ้านมือสองเดือน ส.ค. ส่วนในวันศุกร์จะมีการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนส.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.ย. 68)