
รัฐยะโฮร์ของมาเลเซียกำลังกลายเป็นศูนย์กลางดาต้าเซ็นเตอร์ที่เติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยกำลังไฟฟ้ารวมเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาแตะ 5.8 กิกะวัตต์ (GW) ในไตรมาส 2/2568
รายงานดาต้าเซ็นเตอร์เอเชียแปซิฟิกของไนท์แฟรงค์ (Knight Frank) ที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี (25 ก.ย.) ระบุว่า การสนับสนุนอย่างแข็งขันจากรัฐบาล ผนวกกับการนำแนวทางการวางแผนศูนย์ข้อมูลแห่งชาติของมาเลเซียมาใช้ ส่งผลให้รัฐยะโฮร์มีบทบาทสำคัญในการขยายตัวของตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยครึ่งแรกของปีนี้มีการประกาศโครงการใหม่ที่มีขนาดรวมเกือบ 13 กิกะวัตต์ เพิ่มขึ้น 160% เมื่อเทียบรายปี
เอมี่ หว่อง หัวหน้าฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษาของไนท์แฟรงค์มาเลเซียกล่าวว่า มาเลเซีย โดยเฉพาะยะโฮร์ กำลังกลายเป็นศูนย์กลางโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่สำคัญในภูมิภาค เราเห็นแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะจากการเพิ่มขึ้นของการใช้งานคลาวด์และความต้องการที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งสะท้อนถึงพื้นฐานตลาดที่มั่นคง
หว่องเสริมว่า ในอนาคต การบริหารทรัพยากรให้สอดคล้องกับการเติบโตอย่างรวดเร็วจะเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาแนวโน้มและเสริมบทบาทของมาเลเซียในฐานะฐานยุทธศาสตร์สำหรับการลงทุนด้านดิจิทัลในระยะยาว
นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า การเติบโตของรัฐยะโฮร์สะท้อนตำแหน่งยุทธศาสตร์ของมาเลเซียในเศรษฐกิจดิจิทัล โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ของยะโฮร์มีการเช่าพื้นที่รวม 260 เมกะวัตต์ (MW) โดยความต้องการหลักมาจากงานโซเชียลมีเดียถึง 61% และงานที่เกี่ยวข้องกับ AI
ขณะเดียวกัน อัตราพื้นที่ว่างของดาต้าเซ็นเตอร์ในรัฐยะโฮร์อยู่ที่ 1.1% ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการเพิ่มกำลังไฟฟ้าและการวางแผนอย่างรอบคอบเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ก.ย. 68)