
นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาลว่า โจทย์ใหญ่ที่ได้รับมอบหมายหลัก ๆ คือ เรื่องของสังคมที่เราจะต้องดูไม่ว่าจะเป็นปัญหายาเสพติด สาธารณสุข
ปัจจุบันมีหลายปัญหา ทั้งเรื่องยาเสพติด ภัยในเรื่องมั่นคง รวมถึงเรื่องปัญหาตามแนวชายแดน ซึ่งประเดประดังเข้ามาหมด หากปล่อยไว้อย่างนี้ถ้าไม่เริ่มตั้งหลักช่วยกันทั้งองคาพยพของประเทศ จะทำให้สภาพของประเทศทรุดหนักลงกว่านี้ เพราะเรื่องเหล่านี้มันผูกกันหมด
เพราะฉะนั้นตนในฐานะที่มาเป็นรัฐบาลชุดนี้มีความมุ่งมั่นที่จะแก้วิกฤตในระยะสั้น ๆ ให้ได้ดีที่สุด เท่าที่จะทำได้ทุกเรื่อง ไม่ใช่เฉพาะเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเวลาของประชาชนรอไม่ได้ แต่อย่างน้อยต้องสามารถวางหลักที่ควรจะเป็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประชาธิปไตย หลักเศรษฐกิจ หลักความมั่นคง หรือหลักของปัญหาสังคมของประเทศ ซึ่งต้องวางหลักที่สังคมและประชาชนรับได้
ในด้านการแก้ปัญหายาเสพติด นายโสภณ ระบุว่า ได้ดำเนินการบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนและชุมชนในจังหวัดบุรีรัมย์ สามารถสแกนผู้เสพกว่า 20,000 คน และนำไปบำบัดจนเลิกได้กว่า 1,600 คน โดยไม่ใช้งบราชการ นอกจากนี้ได้วางไทม์ไลน์ 4 เดือนเพื่อแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ไม่ใช่เพียงการประชุมหรือมอบนโยบาย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยมีเวลาจำกัด ถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย ที่จะต้องทำงานแข่งกับเวลา ในท่ามกลางวิกฤติทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ รวมถึงวิกฤติความมั่นคง
กรณีฝ่ายค้านเตรียมพุ่งเป้าไปเรื่องคุณสมบัติที่มาจากบุรีรัมย์ในการแถลงนโยบายนั้น นายโสภณ กล่าวว่า เป็นสิทธิของฝ่ายค้านที่จะตรวจสอบ ตนคิดว่าไม่มีปัญหา เพราะรัฐมนตรีจะมาจากบุรีรัมย์มากหรือน้อยไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาคือมาแล้วทำอะไรให้สังคมได้ บ้าง
ส่วนที่ถูกมองว่าเป็นตัวแทนของนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ดนั้น ตนโดนเรื่องนี้มานานแล้ว แต่ต้องยอมรับว่า ทุกคนมีนอมินีหมด ดังนั้นประเด็นว่าเป็นตัวแทนใครไม่สำคัญ อยู่ที่การจะบริหารอย่างไร
ส่วนที่มีการจับตาการแก้ไขปัญหาเรื่องเขากระโดงและคดีฮั้วเลือก สว.นั้น ยืนยันว่า ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย เมื่อกฏหมายออกมาอย่างไร ชี้แจงได้ เป็นไปตามหลักนิติธรรม ทุกคนทำตามหน้าที่ ไม่มีใครไปสั่งใครได้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ก.ย. 68)