ดาวโจนส์ปิดบวก 68.78 จุด รับแรงซื้อหุ้นเทคโนโลยี

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (29 ก.ย.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ดีดตัวขึ้นกว่า 100 จุด โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และมองข้ามปัจจัยลบเกี่ยวกับความเสี่ยงที่หน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ จะถูกปิดทำการ (ชัตดาวน์) รวมทั้งการความคิดเห็นในเชิงสนับสนุนการคุมเข้มนโยบายการเงินของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)

  • ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 46,316.07 จุด เพิ่มขึ้น 68.78 จุด หรือ +0.15%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,661.21 จุด เพิ่มขึ้น 17.51 จุด หรือ +0.26% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,591.15 จุด เพิ่มขึ้น 107.09 จุด หรือ +0.48%

นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ท่ามกลางความเชื่อมั่นในการเติบโตของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมทั้งความคาดหวังว่าเฟดจะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ย แม้ในช่วงเวลาที่เฟดจะต้องรับมือกับความกังวลเกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนของตลาดแรงงาน

หุ้น Nvidia ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิป AI รายใหญ่ของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 2% ขณะที่หุ้นบริษัท AI รายอื่น ๆ ดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้น Advanced Micro Devices (AMD) พุ่งขึ้น 1.2% หุ้น Micron Technology ทะยานขึ้น 4.2% และหุ้น Microsoft ปรับตัวขึ้น 0.6%

หุ้น Lam Research ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตชิป พุ่งขึ้น 2% หลังจากนักวิเคราะห์ของ Deutsche Bank ปรับเพิ่มคำแนะนำการลงทุนในหุ้น Lam Research เป็น “buy” จาก “hold”

หุ้น AppLovin ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการตลาด พุ่งขึ้น 6.3% ปิดที่ระดับ 712.36 ดอลลาร์ และเป็นหนึ่งในหุ้นที่ช่วยหนุนดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก หลังจากนักวิเคราะห์ของ Morgan Stanley ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้น AppLovin เป็น 750 ดอลลาร์ จากเดิม 480 ดอลลาร์

นักลงทุนจับตาการหารือระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับแกนนำทั้งสี่ของสภาคองเกรสที่ทำเนียบขาวในวันนี้ (30 ก.ย.) ตามเวลาไทย เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงวิกฤติชัตดาวน์ โดยแกนนำทั้งสี่คนได้แก่ ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎร, ฮาคีม เจฟฟรีส์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎร, จอห์น ธูน ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา และชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา

กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ระบุว่า ทางกระทรวงจะไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ หากสมาชิกสภาคองเกรสไม่สามารถตกลงกันเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณเพื่อหลีกเลี่ยงชัตดาวน์ได้ก่อนกำหนดเส้นตายในช่วงเที่ยงคืนของวันที่ 30 ก.ย.ตามเวลาสหรัฐ (ตรงกับเวลา 11.00 น.ของวันที่ 1 ต.ค.ตามเวลาไทย) โดยข้อมูลเศรษฐกิจที่จะได้รับผลกระทบได้แก่ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 2 ต.ค., ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 3 ต.ค. และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 15 ต.ค.

อย่างไรก็ดี ลินด์เซย์ เบลล์ หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนจากบริษัท 248 Ventures กล่าวว่า ดูเหมือนว่าสถานการณ์ดังกล่าวไม่ได้เป็นปัจจัยขับเคลื่อนตลาด เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองในด้านบวก ซึ่งรวมถึงความหวังที่เฟดจะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ย ตลอดจนข้อมูลเมื่อไม่นานมานี้ที่แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงข้อมูลตลาดที่อยู่อาศัยและการใช้จ่ายของผู้บริโภค

สำหรับการแสดงความเห็นล่าสุดของเจ้าหน้าที่เฟดนั้น เบธ แฮมแมก ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่เฟดสายเหยี่ยวที่สนับสนุนการคุมเข้มนโยบายการเงินและไม่มีสิทธิ์ลงคะแนนในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ กล่าวว่า เฟดจำเป็นต้องเดินหน้าคุมเข้มนโยบายการเงินเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ขณะที่อัลเบอร์โต มูซาเลม ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ ซึ่งมีสิทธิ์ลงคะแนนในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ กล่าวว่า เขาเปิดกว้างสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม แต่เฟดต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังและคงอัตราดอกเบี้ยให้สูงพอที่จะสกัดเงินเฟ้อที่ยังคงสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟด

อย่างไรก็ตาม เครื่องมือ FedWatch ของ CME Group ระบุว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 89% ต่อการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 28-29 ต.ค.

หุ้นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกัญชาที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากปธน.ทรัมป์ได้แชร์วิดีโอเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (28 ก.ย.) โดยมีเนื้อหาสนับสนุนประโยชน์ด้านสุขภาพที่ได้จากสารแคนนาบิไดออล (CBD) ซึ่งเป็นสารสกัดจากกัญชง (hemp) โดยหุ้น Canopy Growth พุ่งขึ้น 17%, หุ้น Cronos Group พุ่งขึ้นเกือบ 13% และหุ้น Tilray Brands ทะยานขึ้น 60.9%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ก.ย. 68)