
ฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำ ออกมาให้ความเห็นเมื่อวันพุธ (1 ต.ค.) ว่า ภาวะที่หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องปิดทำการชั่วคราว หรือ “ชัตดาวน์” ที่กำลังเกิดขึ้น ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของประเทศในระยะใกล้นี้ แต่ผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจจะรุนแรงเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กับว่าการชัตดาวน์จะขยายวงกว้างและยืดเยื้อนานแค่ไหน
สถานการณ์ชัตดาวน์เริ่มต้นขึ้นในวันพุธ หลังจากความขัดแย้งทางการเมืองที่รุนแรงทำให้สภาคองเกรสและทำเนียบขาวไม่สามารถตกลงเรื่องงบประมาณได้ทันเวลา เหตุการณ์นี้ส่อเค้าว่าจะนำไปสู่การเผชิญหน้าที่ยืดเยื้อ ซึ่งอาจทำให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางหลายพันคนต้องว่างงาน
“ฟิทช์จะยังคงจับตาดูพัฒนาการด้านกฎระเบียบ หลักนิติธรรม รวมถึงกลไกการตรวจสอบและถ่วงดุลของสถาบันในสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด เพื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งในการวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของประเทศต่อไป” แถลงการณ์จากฟิทช์ระบุ
ฟิทช์คาดการณ์ว่า การขาดดุลงบประมาณโดยรวมของภาครัฐจะลดลงเหลือ 6.8% ของ GDP ในปี 2568 จากระดับ 7.7% ในปี 2567 โดยมีปัจจัยหนุนส่วนหนึ่งจากรายได้ภาษีศุลกากรที่คาดว่าจะพุ่งสูงถึง 3 แสนล้านดอลลาร์
“แม้ว่านโยบายของสหรัฐฯ จะมีความไม่แน่นอนมากขึ้น และกลไกการตรวจสอบถ่วงดุลของสถาบันอาจดูอ่อนแอลง แต่เราเชื่อว่าสถานะของเงินดอลลาร์สหรัฐในฐานะสกุลเงินสำรองหลักของโลก ซึ่งเป็นจุดแข็งสำคัญของอันดับความน่าเชื่อถือ จะยังคงแข็งแกร่งต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้” ฟิทช์ระบุเสริม
ขณะที่ เอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ (S&P Global Ratings) ให้ความเห็นในทิศทางเดียวกันว่า โดยปกติแล้วภาวะชัตดาวน์มักส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมเพียงเล็กน้อย และไม่ถือเป็นปัจจัยที่จะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม S&P เตือนว่าผลกระทบทางอ้อมอาจค่อย ๆ สะสมและบานปลายได้ เมื่อพนักงานของรัฐที่ถูกพักงานต้องลดการใช้จ่าย ประกอบกับความล่าช้าในการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญซึ่งจะสร้างความไม่แน่นอนให้กับการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดย S&P ประเมินว่า การชัตดาวน์อาจฉุดให้การเติบโตของ GDP ลดลงราว 0.1% ถึง 0.2% ในทุก ๆ สัปดาห์ที่รัฐบาลปิดทำการ
อนึ่ง เหตุการณ์ชัตดาวน์ที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ เกิดขึ้นเป็นเวลา 35 วันในช่วงปี 2561-2562 ที่โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยแรก ซึ่งจบลงส่วนหนึ่งหลังจากเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศพากันลาป่วยจนทำให้เที่ยวบินทั่วประเทศเกิดความโกลาหล
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ต.ค. 68)