
สำนักงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติของอินโดนีเซีย (BNPB) เปิดเผยในวันนี้ (2 ต.ค.) ว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยไม่พบสัญญาณชีพเพิ่มเติมใต้ซากอาคารเรียนที่พังถล่มในจังหวัดชวาตะวันออกของอินโดนีเซีย
พลโทซูฮาร์ยันโต หัวหน้าสำนักงานฯ แถลงข่าวในช่วงบ่ายวันนี้ว่า “มีการนำอุปกรณ์ไฮเทคมาใช้ เช่น โดรนตรวจจับความร้อน แต่ไม่พบสัญญาณชีพเพิ่มเติม”
“เมื่อคืน เราเคลียร์พื้นที่เพื่อให้เกิดความเงียบ เราหวังว่าด้วยการใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัย…เราอาจได้ยินเสียงสัญญาณชีพบ้าง” อย่างไรก็ตาม “ในทางวิทยาศาสตร์ เราไม่พบสัญญาณชีพแต่อย่างใด”
เขาเสริมว่า ทีมงานได้ตัดสินใจดำเนินการขั้นต่อไป ด้วยการใช้เครื่องจักรกลหนักเคลื่อนย้ายแผ่นคอนกรีต โดยก่อนหน้านี้ไม่สามารถทำได้เนื่องจากเกรงว่าอาจทำให้ตัวอาคารพังถล่มลงมาอีก ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผู้รอดชีวิต
นับตั้งแต่ปฏิบัติการช่วยเหลือเริ่มต้นขึ้น เจ้าหน้าที่สามารถช่วยผู้ที่ติดอยู่ใต้ซากอาคารออกมาได้ 13 คน แม้ว่ามี 2 คนที่เสียชีวิตในภายหลัง โดยนับจนถึงขณะนี้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 5 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 100 คน และสูญหาย 59 คน
ทั้งนี้ เหตุการณ์อาคารเรียนถล่มเกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ (29 ก.ย.) ณ โรงเรียนอิสลามอัลโคซินี ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำในเมืองซีโดอาร์โจ จังหวัดชวาตะวันออก โดยตัวอาคารมีสองชั้น และอยู่ระหว่างการต่อเติมเพิ่มอีกสองชั้นโดยไม่ได้รับอนุญาต จนเกิดพังถล่มลงมาขณะที่นักเรียนกำลังทำพิธีละหมาดในช่วงบ่าย ขณะเกิดเหตุมีนักเรียนกว่า 100 คนอยู่ในอาคาร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักเรียนชายวัยรุ่น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ต.ค. 68)