
กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีก 137,000 บาร์เรล/วันในเดือนพ.ย. โดยมีเป้าหมายเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดกลับคืนมา
มติดังกล่าวมีขึ้นหลังจาก 8 ชาติสมาชิกของกลุ่มโอเปกพลัส ซึ่งได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต โอมาน อิรัก คาซัคสถาน และแอลจีเรีย ได้เสร็จสิ้นการประชุมผ่านระบบออนไลน์ในวันอาทิตย์ (8 ต.ค.)
แถลงการณ์ของกลุ่มโอเปกพลัสระบุว่า เมื่อพิจารณาถึงแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีเสถียรภาพและปัจจัยพื้นฐานของตลาดน้ำมันที่ยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากสต็อกน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำนั้น สมาชิกทั้ง 8 ประเทศจึงได้ตัดสินใจปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 137,000 บาร์เรล/วันในเดือนพ.ย. และจะจัดการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 2 พ.ย. เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการผลิตในวันข้างหน้า
สำหรับปริมาณการผลิตที่จะปรับเพิ่มในเดือนพ.ย.นั้น อยู่ในระดับเดียวกับเดือนต.ค. โดยในการประชุมครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา โอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 137,000 บาร์เรล/วันในเดือนต.ค. หลังจากได้ปรับเพิ่มกำลังการผลิต 547,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.ย., เพิ่มกำลังการผลิต 548,000 บาร์เรล/วันในเดือนส.ค. และปรับเพิ่มกำลังการผลิต 411,000 บาร์เรล/วันทั้งในเดือนพ.ค., เดือนมิ.ย. และเดือนก.ค.
ก่อนหน้านี้ โอเปกพลัสได้ปรับลดกำลังการผลิตต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปีเพื่อพยุงราคาน้ำมันในตลาด แต่ในปีนี้ โอเปกพลัสได้เริ่มเปลี่ยนแปลงท่าทีเพื่อกลับมาแย่งชิงส่วนแบ่งในตลาดอีกครั้ง นอกจากนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวยังเกิดขึ้นภายใต้แรงกดดันจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ได้เรียกร้องให้โอเปกเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อช่วยควบคุมราคาน้ำมันในตลาด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ต.ค. 68)