
บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ [BTS] ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเส้นทางหลักของกรุงเทพมากว่า 20 ปี กำลังอยู่ในช่วงใกล้หมดสัมปทานเดิมในเดือน ธ.ค.72 โดยจะเปลี่ยนผ่านไปเป็นสัญญารับจ้างเดินรถตั้งแต่ปี 73 ไปถึงปี 85 กับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ผ่านบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (KT) ขณะที่มหากาพย์การทวงหนี้กับ กทม.กำลังจะจบลงทำให้ BTS ตัวเบาขึ้น
แม้จะเปลี่ยนมารับจ้างเดินรถแทนสัมปทานเดิม แต่การเติบโตของ BTS โดยเฉพาะธุรกิจ MOVE ยังเติบโตต่อเนื่อง ไม่ต้องกัวลเรื่องจำนวนผู้โดยสาร อีกทั้งตั้งแต่ปี 73 รายได้จากรับจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ทั้งเส้นทางสายสีเขียวจะกระโดดขึ้นมาเป็น 1.6 หมื่นล้านบาท (ในปี 73) จากปี 68 จนถึงปี 72 มีรายได้ O&M เฉพาะส่วนต่อขยายราว 8-9 พันล้านบาท
กทม.เคลียร์หนี้ค้าง ขอตั้งต้นใหม่
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการ BTS และผู้อำนวยการใหญ่สายธุรกิจ MOVE กล่าวกับ”อินโฟเควสท์” ว่า บริษัทรับทราบที่สภา กทม.อนุมัติจ่ายหนี้สินที่ยังค้างอยู่ทั้งหมดให้กับ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม BTS โดยกทม.และบริษัทอยู่ระหว่างเคลียร์ตัวเลขหนี้สินที่ กทม.ค้างจ่ายจนถึงเดือน ส.ค.68 รวมประมาณ 3.4-3.5 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะได้รับเงินเข้ามาในช่วงปลายเดือน ต.ค.นี้ ซึ่งส่วนนี้บริษัทจะได้นำไปชำระคืนหนี้สินบางส่วน และจะช่วยทำให้สภาพคล่องของบริษัทดีขึ้นด้วย
ปีนี้ Recurring EBITDA และรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นมาเป็นผลการรวมกิจการของ บมจ.แรบบิท โฮลดิ้งส์ [RABBIT] และ บมจ.ร็อคเทค โกลบอล [ROCTEC] ที่เข้ามาเป็นบริษัทย่อย
รายได้จากการดำเนินงานของ BTS มาจาก 3 ธุรกิจหลัก
– ธุรกิจ MOVE ภายใต้ BTSC จะมีรายได้ 9,900 ล้านบาท หลักๆ มาจากรายได้ O&M ส่วนต่อขยายสายสีเขียว 7,600 ล้านบาท , ค่าโดยสารสายสีชมพูและสีเหลือง 1,400-1,600 ล้านบาท ส่วนที่เหลือมาจากรายได้งานก่อสร้างสายสีชมพู รายได้ที่รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง (BTSGIF) ที่ถืออยู่ 33.33% เป็นเงินราว 400 ล้านบาท
– ธุรกิจ MIX จาก บมจ.วีจีไอ [VGI] เป็นหลัก จะมีรายได้ 6,000-6,500 ล้านบาท
– ธุรกิจ MATCH คาดมีรายได้ 7,000 ล้านบาท จาก RABBIT และ ROCTEC 3,400 ล้านบาท และมีรายได้อื่นอีก
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ธุรกิจ MOVE งานเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว แบ่งเป็น สายหลัก (ช่วงหมอชิต-อ่อนนุช และ สนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน) ระยะทางรวม 23.5 กิโลเมตร 24 สถานี ส่วนนี้ได้ขายสิทธิรายได้ให้กับกอง BTSGIF แต่ย้งบริหารและเดินรถ) จะรับรู้เป็นส่วนแบ่งกำไร
ส่วนต่อขยายที่ 1 ส่วนต่อขยายสายสีลม (สะพานตากสิน – บางหว้า ระยะทาง 7.45 กิโลเมตร 6 สถานี) และส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท (อ่อนนุช – แบริ่ง ระยะทาง 5.3 กิโลเมตร 5 สถานี)
ส่วนต่อขยายที่ 2 (ระยะทางรวม 32 กิโลเมตร ประกอบด้วย 2 เส้นทาง ได้แก่ ส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้ (แบริ่ง- เคหะฯ ระยะทาง 13 กิโลเมตร) และส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต – คูคต ระยะทาง 19 กิโลเมตร)
ปัจจุบันจำนวนผู้โดยสารของรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งเส้นทางในวันทำการ (Weekday) ประมาณ 9 แสนเที่ยวคน/วัน ปีนี้คาดว่าเส้นทางหลักจะเติบโต 5-8% เป็น 220 ล้านเที่ยวคน/ปี จากปี 67 อยู่ที่ 205 ล้านเที่ยวคน/ปี
นายสุรพงษ์ ยอมรับว่า จำนวนผู้โดยสารสายสีเขียวยังลดลงเกือบ 20% จากช่วงก่อนโควิด โดยสายหลักในวันทำการมีผู้โดยสารเฉลี่ย 6.5 แสนเที่ยวคน/วัน จากช่วงก่อนโควิดเคยสูงกว่า 7 แสนเที่ยวคน/วัน เนื่องจากพฤติกรรมคนเปลี่ยนไป เดินทางน้อยลง ประชุมออนไลน์มากขึ้น ทำงานที่บ้าน (work from home) ขณะเดียวกันเศรษฐกิจทั้งโลกชะลอตัว ทำให้นักท่องเที่ยวหด โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนยังไม่กลับมาเหมือนเดิม
จุดเปลี่ยนจากบริหารเองมารับจ้างเดินรถ
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า เมื่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ช่วงสายหลัก) สิ้นสุดลงในปี 72 บริษัทจะรับจ้างเดินรถสายสีเขียวทั้งเส้นทางไปจนถึงปี 85 รวมถึงส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 ก็เป็นงานรับจ้างเดินรถไปสิ้นสุดปี 85 เช่นกัน
BTS คาดว่าในปี 73-85 จะได้รับค่าจ้างเดินรถเติบโตก้าวกระโดดเป็นกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันได้รับรายได้ O&M ส่วนต่อขยายราว 8.2 พันล้านบาท และจะค่อยๆ ปรับเพิ่มขึ้นจนถึงงวดปี 72/73 จะมีรายได้ราว 9 พันล้านบาท ค่าจ้างเดินรถในปี 73-85 จะเพิ่มขึ้นตามสัญญาและจำนวนรถที่เพิ่มขึ้นด้วย ไม่ได้ขึ้นกับจำนวนผู้โดยสาร ทำให้บริษัทไม่ต้องรับความเสี่ยงเรื่องจำนวนผู้โดยสารอีกแล้ว แต่หากจำนวนผู้โดยสารมากขึ้นบริษัทก็ต้องรับต้นทุนค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นด้วย
ปัจจุบัน BTSC มีจำนวนรถโดยสาร 98 ขบวน ขบวนละ 4 ตู้ คาดว่าจะเพิ่มเป็นขบวนละ 6 ตู้ในระยะถัดไปสำหรับสายสุขุมวิทเมื่อเข้าสู่ช่วงสัญญารับจ้างเดินรถ ส่วนสายสีลมน่าจะยังไม่เพิ่มตู้โดยสาร
อยางไรก็ดี เมื่อเปลี่ยนมาเป็นสัญญาจ้างเดินรถ ช่วงเส้นทางหลักที่บริษัทได้ขายสิทธิรายได้ให้กับ BTSGIF เมื่อหมดสัญญาสัมปทานปี 72 สิทธิรายได้ของกองทุนก็ต้องสิ้นสุดลงเช่นกัน ขณะที่ BTSC จะมีรายได้ต่อเนื่องจากการรับจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลืองให้กับบริษัทร่วมทุน
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ภาครัฐได้เตรียมเปิดเส้นทางรถไฟฟ้าใหม่อีก 3 เส้นทางในกรุงเทพ ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ช่วงแคราย-บึงกุ่ม รถไฟฟ้าสายสีเท่า ช่วงวัชรพล-ทองหล่อ และรถไฟ้ฟ้าสายสีเงิน ช่วงสุวรรณภูมิ-บางนา โดย BTS ก็พร้อมเข้าร่วมลงทุนกับภาครัฐในการก่อสร้างและเดินรถทุกสาย
“เดี๋ยวนี้อย่าไปมองว่ารถไฟฟ้าจะใหญ่เพราะผู้โดยสารเยอะๆ จากที่เคยประมูลแบบ PPP Net Cost น่าจะเป็นแบบ PPP Gross Cost เพราะรัฐต้องการกำหนดค่าโดยสารได้เอง เมื่อมีหลายเส้นทางรวมเป็นโครงข่าย ก็จะมีตั่วร่วมใช้ด้วยกัน ซึ่งในแง่รัฐที่ต้องการบริหารจัดการง่ายกว่า”
ส่วนกรณีที่นโยบาย 20 บาทตลอดสายที่ยังไม่เกิด บริษัทไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไร เพราะถือว่าโครงการไม่ได้เกิดขึ้น อย่างไรก็เห็นว่าประชาชนคาดหวังว่า รัฐบาลจะมาช่วยลดค่าเดินทางระบบขนส่งมวลชน ขณะที่ กทม.เตรียมปรับค่าโดยสารส่วนต่อขยายสายสีเขียว เป็น 17-45 บาท จากปัจจุบันเก็บอัตราคงที่ 15 บาท
ขยายพอร์ตเติมมอเตอร์เวย์ /เดินหน้าสนามบินอู่ตะเภา
นอกเหนือจากระบบขนส่งทางรางในกลุ่มธุรกิจ MOVE บริษัทได้ขยายการบริหารและซ่อมบำรุง (O&M) ในโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสาย M81 (บางใหญ่-กาญจนบุรี) คาดว่าจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการปลายปี 68 ขณะนี้อยู่ระหว่างทดสอบเสมือนจริง และมอเตอร์เวย์สาย M6 (บางปะอิน-นครราชสีมา) เปิดปี 69
นายสุรพงษ์ กล่าว่า รัฐยังมีนโยบายที่จะขยายมอเตอร์เวย์ไปอีกหลายเส้นทาง ซึ่ง BTS ติดตามและพร้อมเข้าร่วมงานที่คาดว่าจะเปิดประมูลในปีหน้า ได้แก่ มอเตอร์เวย์ M82 บางขุนเทียน-บ้านแพ้ว มอเตอร์เวย์ M5 ช่วงรังสิต-บางปะอิน และมอเตอร์เวย์ M9 สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ตอนทางยกระดับบางขุนเทียน-บางบัวทอง
นอกจากนี้ BTS ยังร่วมทุนในโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินตะวันออก ล่าสุด ได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ว่าจะไม่รองานก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) แต่ยังต้องหารือรายละเอียดและอาจจะต้องนำเสนอต่อ ครม. โดยจะเริ่มจากงานขนาดเล็กก่อน แต่ถ้าเงื่อนไขทุกอย่างเหมือนเดิมเราก็จะกลับไปดำเนินการเหมือนเดิมเช่นกัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ต.ค. 68)