
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (5 ต.ค.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า กองกำลังสหรัฐฯ ได้โจมตีเรืออีกลำนอกชายฝั่งเวเนซุเอลาเมื่อช่วงค่ำวันเสาร์ (4 ต.ค.) ซึ่งเป็นเรือที่ต้องสงสัยว่าลักลอบขนยาเสพติด ทรัมป์ยังกล่าวเสริมด้วยว่า ต่อไปนี้สหรัฐฯ จะเริ่มจับตาการลักลอบค้ายาเสพติดทางบกอย่างจริงจัง
สำหรับปฏิบัติการโจมตีครั้งล่าสุดนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย และนับเป็นครั้งที่ 4 เป็นอย่างน้อยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
ทรัมป์กล่าวว่า “ช่วงหลายสัปดาห์มานี้ กองทัพเรือได้ช่วยเราในภารกิจกวาดล้างพวกผู้ก่อการร้ายแก๊งค้ายาเสพติดให้สิ้นซากไปจากน่านน้ำ… และเมื่อคืนเราก็เพิ่งจัดการไปอีกลำ ตอนนี้แทบหาไม่เจอแล้ว”
“พวกมันไม่กล้าเข้ามาทางทะเลอีกแล้ว ดังนั้นตอนนี้เราจึงต้องหันมาจับตาดูทางบก เพราะพวกมันจะถูกบีบให้ต้องเปลี่ยนไปใช้เส้นทางบกแทน”
ด้านประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ได้เผยแพร่วิดีโอผ่านแอปเทเลแกรมเพื่อประณามการกระทำอันก้าวร้าวของสหรัฐฯ และย้ำว่าเวเนซุเอลายังคงได้รับการสนับสนุนจากนานาชาติ
“ประชาชนของเราไม่เคยและจะไม่มีวันหวาดกลัวที่จะปกป้องสิทธิ์ในการมีชีวิตและอิสรภาพ” มาดูโรกล่าวในวิดีโอ “เราพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกสถานการณ์”
ก่อนหน้านี้เมื่อวันอาทิตย์ อีวาน กิล รัฐมนตรีต่างประเทศเวเนซุเอลา เปิดเผยว่า เขาได้สนทนาทางโทรศัพท์กับเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ซึ่งฝ่ายรัสเซียได้ “แสดงจุดยืนสนับสนุนและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างเต็มที่” กับรัฐบาลเวเนซุเอลา
นอกจากนี้ เมื่อวันเสาร์ กิลยังกล่าวด้วยว่า ปธน.มาดูโรได้ส่งสาส์นถึงสมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 14 เพื่อขอให้พระองค์ช่วยสนับสนุน “การสร้างสันติภาพที่มั่นคงในเวเนซุเอลา”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ต.ค. 68)