
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวระหว่างพาแกนนำพรรคฯ ร่วมงานรำลึกครบรอบ 49 ปีเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ว่า แม้ตนจะเกิดไม่ทันเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 แต่เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรหลงลืมไปในหน้าประวัติศาสตร์ของไทย สิ่งที่พวกตนเรียกร้องมาตลอดก็คือสังคมที่มีความเป็นประชาธิปไตย แม้จะมีเสียงสะท้อนบางส่วนที่อาจรู้สึกผิดหวังบ้างจากการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาและพวกตนก็เข้าใจ แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ตัดสินใจไปก็เพื่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อให้ระบอบการปกครองของประเทศนี้มีความเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น ให้ประเทศนี้เดินหน้าต่อไปได้ ให้เกิดการปฏิรูปกองทัพและหยุดวงจรการรัฐประหาร และไม่ให้เกิดการเข่นฆ่าประชาชนแบบที่ผ่านมาได้อีก
สิ่งที่ตนมองไปไกลกว่ากระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่คือ หลังจากมีการเลือกตั้งแล้วและการทำประชามติผ่าน เนื้อหาภายในรัฐธรรมนูญเองว่าจะต้องมีการปรับปรุงอย่างไรบ้าง การจัดตำแหน่งแห่งที่ขององค์กรอิสระต่าง ๆ จะทำอย่างไรไม่ให้ถูกนำมาใช้เป็นอาวุธทำลายล้างกันทางการเมือง ทำให้เกิดการถ่วงดุล ตรวจสอบ และปราบปรามการทุจริตได้จริง ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนทุกคนอยากเห็น
ส่วนประเด็นที่มีความละเอียดอ่อนรับรู้รับทราบดี จะต้องมีการใช้เวทีในรัฐสภา ไม่ว่าจะเป็นสภาที่ปรึกษาผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญที่ พรรคประชาชน ได้ออกแบบกระบวนการที่ต้องการให้มีตัวแทนประชาชนจากทุกพื้นที่มาสะท้อนความเห็นให้สภาที่ปรึกษาฯ หรือคณะกรรมการยกร่างฯ เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยที่สุดในการหารือได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ความละเอียดอ่อนหรือปัญหาปากท้องของประชาชนทุกคน
ส่วนความกังวลเกี่ยวกับกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญนั้นมีการประเมินไว้อยู่แล้ว แต่เป็นหน้าที่ของทุกพรรคการเมือง รวมทั้งนายกรัฐมนตรี ที่จะต้องช่วยกันส่งเสียงเรียกร้องไปถึงสมาชิกวุฒิสภา รวมทั้งสิ่งที่ประชาชนร่วมสะท้อนเสียงออกมาว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นสิ่งสำคัญ และไม่มีเหตุผลอันใดที่ใครจะมาขวางกระบวนการนี้ สุดท้ายผู้ที่จะเป็นคนตัดสินก็คือประชาชนที่จะไปออกเสียงประชามติพร้อมกันในวันเลือกตั้ง
“กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่เป็นหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาทุกคนไม่ว่าจะมาจาก สส.หรือ สว. ที่อย่างน้อยควรจะต้องลงมติเห็นชอบในหลักการในวาระที่ 1 ก่อน เพื่อที่จะรับทุกร่างเข้าไปหารือกันเพิ่มเติมในช่วง 2-3 เดือนต่อจากนี้ รายละเอียดข้อแตกต่างว่าเห็นแตกต่างกันอย่างไร ยังมีเวลาและเวทีที่ไปหารือในรัฐสภาในช่วง 2-3 เดือนต่อจากนี้ได้อยู่” นายณัฐพงษ์ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ต.ค. 68)