
ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในออสเตรเลียปรับตัวลดลงอย่างหนักเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือนต.ค. โดยมีสาเหตุสำคัญจากความกังวลเรื่องการเงินในภาคครัวเรือนที่กลับมาอีกครั้ง หลังจากความหวังว่าธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) จะลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเริ่มเลือนราง
ผลสำรวจล่าสุดของเวสต์แพค-สถาบันเมลเบิร์นที่เปิดเผยในวันนี้ (7 ต.ค.) ชี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค. ร่วงลง 3.5% มาอยู่ที่ระดับ 92.1 ทั้งนี้ ดัชนีที่ต่ำกว่าระดับ 100 สะท้อนว่าจำนวนคนมองสถานการณ์ในแง่ร้ายมีมากกว่าคนมองในแง่ดี
สถานการณ์นี้พลิกผันจากช่วงกลางปีอย่างสิ้นเชิง ในตอนนั้น ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกำลังฟื้นตัวอย่างช้า ๆ เพราะได้รับปัจจัยบวกจากการที่ RBA ลดอัตราดอกเบี้ยถึง 3 ครั้ง ประกอบกับทิศทางเงินเฟ้อที่ดูเหมือนจะชะลอตัวลง
ทว่าสัปดาห์ที่แล้ว RBA ได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ พร้อมส่งสัญญาณเตือนว่าอัตราเงินเฟ้อสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย ท่าทีดังกล่าวได้ดับความหวังของตลาดที่จะเห็นการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมในเร็ว ๆ นี้
บรรยากาศที่ไม่ดีนี้สะท้อนผ่านมุมมองด้านการเงินอย่างชัดเจน โดยเมื่อถามถึงสถานะการเงินของครอบครัวเทียบกับปีก่อน ดัชนีลดลง 4.8% ส่วนมุมมองต่อการเงินในอีก 12 เดือนข้างหน้าลดลงถึง 9.9%
ในด้านมุมมองต่อเศรษฐกิจโดยรวม ดัชนีคาดการณ์สำหรับ 1 ปีข้างหน้าลดลง 2.5% สวนทางกับดัชนีคาดการณ์ 5 ปีที่ขยับขึ้น 1.4% อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากังวลสำหรับภาคค้าปลีกคือ ดัชนีความเหมาะสมในการซื้อของใช้ชิ้นใหญ่ในบ้านลดลง 1.1% มาอยู่ที่ระดับ 97.2
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ต.ค. 68)