
คริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยในวันจันทร์ (6 ต.ค.) ว่า การตัดสินใจใด ๆ ก็ตามของสหภาพยุโรป (EU) เกี่ยวกับการใช้สินทรัพย์ของรัสเซียที่ถูกอายัดเพื่อช่วยเหลือยูเครนนั้นจะ ต้องเป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ และ ECB จะพิจารณากระบวนการดังกล่าวอย่างถี่ถ้วน
ลาการ์ดแสดงความกังวลว่า ความเคลื่อนไหวที่ขัดต่อกฎหมายจะส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของสกุลเงินยูโร และทำให้ผู้ลงทุนไม่กล้าถือครองสินทรัพย์ที่เป็นสกุลเงินยูโร ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อเสถียรภาพทางการเงินได้ โดยกล่าวว่า “เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า แผนการใด ๆ ก็ตามที่ได้หารือและประกาศออกมา ณ จุด ๆ หนึ่งจะเป็นไปตามกฎระเบียบระหว่างประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศ”
“จากมุมมองของดิฉัน และโดยคำนึงถึงเสถียรภาพทางการเงินและความแข็งแกร่งของเงินยูโร เราจะพิจารณาอย่างถี่ถ้วนเพื่อให้แน่ใจว่า สิ่งที่เสนอนั้นสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ และคำนึงถึงเสถียรภาพทางการเงิน” ลาการ์ดกล่าว
EU กำลังหาหนทางระดมเงินทุนสนับสนุนด้านกลาโหมและการบูรณะฟื้นฟูของยูเครน โดยทรัพย์สินมูลค่า 2.1 แสนล้านยูโรของรัสเซียบางส่วนยังคงถูกอายัดไว้ในฝั่งตะวันตก หลังจากที่เปิดฉากรุกรานยูเครนเมื่อปี 2565 อย่างไรก็ตาม การยึดทรัพย์สินโดยตรงถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ผู้นำทางการเมืองของกลุ่มจึงกำลังดำเนินการตามแผนเพื่อลงทุนเงินสดของรัสเซียในพันธบัตรที่ไม่มีการให้ดอกเบี้ยที่ออกโดยคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) โดยมีการค้ำประกันจากรัฐบาลต่าง ๆ ของ EU จากนั้น EU ก็จะใช้เงินสดของรัสเซียเพื่อออกเงินกู้ชดเชยความเสียหายให้กับยูเครน
ทั้งนี้ สินทรัพย์ของรัสเซียที่ถูกอายัดในช่วงเริ่มต้นของสงครามได้ถูกนำไปลงทุนในพันธบัตร โดยปัจจุบันพันธบัตรเหล่านั้นครบกำหนดไถ่ถอนแล้ว โดยเงินสดถูกเก็บไว้ที่ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์กลางยูโรเคลียร์ (Euroclear) ในเบลเยียม
ลาการ์ดกล่าวว่า การตัดสินใจใด ๆ ควรได้รับความเห็นชอบจากทุกฝ่ายที่ถือครองสินทรัพย์ของรัสเซีย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ต.ค. 68)