
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (6 ต.ค.) ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ได้มอบหมายให้นายกรัฐมนตรีเซบาสเตียง เลอกอร์นู ที่เพิ่งยื่นใบลาออกในวันเดียวกัน เป็นผู้เปิดการเจรจารอบสุดท้ายกับพรรคการเมืองต่าง ๆ เพื่อหาทางคลี่คลายวิกฤตการณ์ทางการเมืองของประเทศ
เลอกอร์นูเพิ่งยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรีเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ การตัดสินใจดังกล่าวส่งผลให้รัฐบาลชุดนี้กลายเป็นรัฐบาลที่มีอายุสั้นที่สุดในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสยุคใหม่ และยิ่งซ้ำเติมให้วิกฤตการเมืองของประเทศทวีความรุนแรงขึ้น
เลอกอร์นูเพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อต้นเดือนก.ย. ที่ผ่านมา ท่ามกลางความท้าทายในการรวมเสียงรัฐสภาที่แตกแยกเพื่อให้ผ่านงบประมาณปี 2569 หลังรัฐบาลชุดก่อนหน้านี้ไม่สามารถออกงบประมาณที่ระบุรายละเอียดการลดรายจ่ายและการปรับขึ้นภาษี
เลอกอร์นูนับเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 5 ในระยะเวลาไม่ถึง 2 ปี โดยการลาออกของเลอกอร์นูเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เมื่อวันอาทิตย์ (5 ต.ค.)
ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าภารกิจที่เลอกอร์นูได้รับมอบหมายนั้นมีขอบเขตอย่างไร แต่ตามรัฐธรรมนูญฝรั่งเศส ปธน.มาครงมีอำนาจแต่งตั้งเลอกอร์นูกลับมาดำรงตำแหน่งนายกฯ ได้อีกครั้งหากต้องการ โดยมาครงได้ให้เวลาเลอกอร์นู 48 ชั่วโมง สำหรับการเจรจาที่จะเริ่มขึ้นในเช้าวันอังคาร (7 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น
ทำเนียบเอลีเซออกแถลงการณ์ว่า “ท่านประธานาธิบดีได้มอบหมายให้นายเซบาสเตียง เลอกอร์นู นายกรัฐมนตรีรักษาการ รับหน้าที่ดำเนินการเจรจารอบสุดท้ายให้ลุล่วงภายในเย็นวันพุธ (8 ต.ค.) เพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติและสร้างเสถียรภาพให้แก่ประเทศชาติ”
เลอกอร์นูกล่าวว่าเขายอมรับคำขอของประธานาธิบดี
เมื่อวันจันทร์ การประกาศลาออกอย่างกะทันหันของเลอกอร์นูได้ส่งผลให้ดัชนี CAC 40 ของตลาดหุ้นปารีสซึ่งมีมูลค่าตลาด 3 ล้านล้านดอลลาร์ ร่วงลงกว่า 1.3% กลายเป็นดัชนีที่ทำผลงานแย่ที่สุดในยุโรป ส่วนค่าเงินยูโรซึ่งเคยทนทานต่อความวุ่นวายทางการเมืองของฝรั่งเศสมาตลอดปีที่แล้ว ก็อ่อนค่าลง 0.2% มาอยู่ที่ 1.172 ดอลลาร์
ทั้งนี้ สาเหตุการลาออกของเลอกอร์นูมาจากการที่ทั้งพรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้านต่างขู่ว่าจะลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลใหม่ของเขาทันที
พรรคขวาจัดและซ้ายจัดจึงฉวยโอกาสนี้พุ่งเป้าโจมตีมาครงทันที พร้อมเรียกร้องให้เขาประกาศยุบสภา จัดการเลือกตั้งใหม่ หรือไม่ก็ลาออก
ในทางตรงกันข้าม พรรคสังคมนิยมกลับเห็นว่าควรหลีกเลี่ยงการเลือกตั้งใหม่หรือการลาออกของประธานาธิบดี แต่เสนอให้มาครงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีจากฝ่ายซ้ายแทน
ผลสำรวจของ Elabe สำหรับ BFM TV เมื่อวันจันทร์ พบว่าชาวฝรั่งเศส 3 ใน 4 เชื่อว่าเลอกอร์นูตัดสินใจถูกแล้วที่ลาออก ขณะที่เกือบครึ่งหนึ่งมองว่ามาครงคือต้นเหตุของความวุ่นวายทั้งหมด เสียงส่วนใหญ่เชื่อว่าทางออกของภาวะชะงักงันทางการเมืองคือการยุบสภา หรือไม่ก็ให้มาครงลาออก
นอกจากนี้ ผลสำรวจอีกสองชิ้นเมื่อเดือนที่แล้วชี้ว่า หากมีการเลือกตั้งใหม่ พรรคแนวร่วมแห่งชาติ (RN) ซึ่งเป็นพรรคขวาจัดของมารีน เลอ เปน จะกวาดที่นั่งได้มากที่สุด แต่รัฐสภาก็จะยังคงแบ่งเป็นสามขั้ว และไม่มีพรรคใดครองเสียงข้างมากเด็ดขาด
อนึ่ง นายกรัฐมนตรีสองคนก่อนหน้าเลอกอร์นูต้องพ้นจากตำแหน่งเพราะถูกรัฐสภาลงมติไม่ไว้วางใจ จากความพยายามควบคุมการใช้จ่ายภาครัฐ ในช่วงเวลาที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือและนักลงทุนต่างจับตามองอย่างใกล้ชิด
ปัจจุบัน หนี้สาธารณะของฝรั่งเศสพุ่งสูงถึง 113.9% ของ GDP และเมื่อปีที่แล้ว การขาดดุลงบประมาณก็สูงเกือบสองเท่าของเพดานที่สหภาพยุโรป (EU) กำหนดไว้ที่ 3%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ต.ค. 68)