
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จัดงานใหญ่ “ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศไทย” ประกาศสู้ศึกเลือกตั้งครั้งใหม่ตั้ง “สุริยะ” เป็นแม่ทัพ ชูนโยบายใหม่ วางเป้ากวาด สส.ทะลุ 200 คน พร้อมเปิดผู้เสนอตัวเป็นผู้สมัคร สส.ล็อตแรกจากทั่วประเทศ ย้ำชัดไม่ใช่ทางตันเลือดไม่มีวันแห้งแม้ สส. ลูกพรรคถูกซื้อตัว ยันเลือดเก่าไหลไปเลือดใหม่ไหลเข้ามาแทน แคนดิเดทนายกฯ มีครบ 3 รายชื่อ ไม่ใช่ตระกูลชิน
พรรคเพื่อไทยเปิดงานด้วยคลิปวิดีโอของ 4 อดีตนายกรัฐมนตรี คือ นายทักษิณ ชินวัตร, น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร, นายเศรษฐา ทวีสิน และ น.ส.แพทองธาร
จากนั้น น.ส.แพทองธาร ในฐานะหัวหน้าพรรค ขึ้นเวทีแสดงวิสัยทัศน์ว่า แม้พรรคจะเผชิญความยากลำบาก รัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำไม่ได้ไปต่อ แต่ยังคงยึดมั่นในความเชื่อเดิมว่าสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วย่อมดีเสมอ ทุกประสบการณ์สอนให้เราเรียนรู้เพื่อก้าวต่อไปอย่างเข้มแข็งกว่าเดิม และประกาศอย่างมั่นใจว่ายาแรงในวันนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เรากลับไปยิ่งใหญ่เหมือนจุดเริ่มต้นาในยุคของพรรคไทยรักไทย
“หลายคนประเมินว่าพรรคเพื่อไทยมาถึงทางตันแล้ว เลือดกำลังไหลจนหมดสิ้น แต่ขอยืนยันว่าไม่มีทางเป็นแบบนั้น เลือดเพื่อไทยจะไม่มีวันเหือดแห้ง เราทุกคนอยู่ที่นี่ ไม่ใช่เพราะผลประโยชน์ แต่เพราะเราเชื่อเหมือนกัน เราคือพรรคเพื่อไทย…พรรคนี้โดนรัฐประหารมาแล้วสองครั้ง ถูกยุบพรรคไปแล้วสองพรรค กรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธิ์เกือบ 200 คน ปลดนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งถึง 6 คน” น.ส.แพทองธาร กล่าว
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า วันนี้มี สส.ของพรรคถูกซื้อตัว ซึ่งทางแก้ปัญหาคือพรรคพยายามให้ความมั่นใจกับทุกคน โดยวันนี้ได้เปิดตัวแล้วในระยะเวลาที่ยังไม่ประกาศวันเลือกตั้งด้วยซ้ำ เป็นการแสดงความพร้อมของพรรคว่ามี สส.ที่พร้อมจะสู้ด้วยกันต่อไป
“บางทีเลือดที่ไหลออกไปก็มีเลือดใหม่ไหลเข้ามาเหมือนกัน แต่เราต้องคงอุดมการณ์ และคงดีเอ็นเอของเราไว้ คือการทำนโยบายเพื่อให้ประชาชนกินดีอยู่ดี” น.ส.แพทองธาร กล่าว
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า การยกเครื่องพรรคเพื่อไทย จึงมีนัยสำคัญต่อการยกเครื่องประเทศไทย พรรคเพื่อไทยจะต้องสรุปบทเรียนและเปลี่ยนแปลงตนเองอย่างจริงจัง เพื่อสร้างพรรคการเมืองที่ทำให้ประเทศไทยในฝันเกิดขึ้นได้จริง ถ้าเราสามารถเปลี่ยนพรรคเพื่อไทยได้ เราก็สามารถเปลี่ยนประเทศไทยได้เช่นเดียวกัน
การยกเครื่องโครงสร้างพรรค โดยอำนาจการตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทางของพรรคอยู่ที่หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ไม่มีเส้นทางลัด ไม่มีเส้นทางอ้อมอีกต่อไป โครงสร้างใหม่นี้จะปลดล็อกศักยภาพของสมาชิกทุกคน เปิดทางให้เกิดการนำแบบรวมหมู่ที่รวดเร็ว โปร่งใส และกระจายอำนาจไปยังคณะกรรมการภาคทั้ง 5 ภูมิภาค เพื่อให้พรรคขับเคลื่อนอย่างมีส่วนร่วมทั่วประเทศ โดยคณะกรรมการบริหารพรรคจะรับคำปรึกษาจากคณะกรรมการที่ปรึกษา 2 คณะ คือ คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ และ คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการเมือง ซึ่งทั้งหมดนี้คือสมองและประสบการณ์ที่จะช่วยส่งเสริมให้พรรคก้าวเดินอย่างมั่นคง
“การจัดงานในวันนี้เป็นความตั้งใจที่จะทำให้ทุกคนเกิดความเชื่อมั่น อย่างที่บอกว่าเลือดที่ไหลออก คิดว่าวันนี้เราเห็นแล้วว่าเปิดมาเกือบ 50% แล้ว ซึ่งมั่นใจว่าเป็นความเชื่อมั่นระดับหนึ่งที่ทำให้ สส.ได้รู้ว่าเราไปต่อแน่นอน และเราก็เต็มที่อย่างแน่นอน ส่วนนโยบายที่จะใช้ในการหาเสียงก็ต้องมั่นใจว่าต้องทำสำเร็จทันเวลา หลังจากเป็นรัฐบาลมา 2 ปีแล้วได้เห็นว่าการทำนโยบายต่าง ๆ ติดขัดอะไรบ้าง”
อีกหนึ่งนวัตกรรมทางนโยบายของพรรคคือการตั้ง Moonshot Forum ซึ่งไม่ใช่แค่เวทีพูดคุย แต่เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนความคิดจากประชาชนและผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา นำไปสู่การออกแบบนโยบายใหม่ของพรรคโดยตรง ซึ่งจะเริ่มต้นที่สำนักงานใหญ่ในเดือนตุลาคมนี้ ก่อนขยายสู่ทุกภูมิภาค
พรรคเตรียมเสนอชุดนโยบายใหม่ที่ถอดบทเรียนจาก 2 ปีที่ผ่านมา อาทิ
- การยกเครื่องระบบราชการ เราจะเปลี่ยนค่านิยมจาก “ไม่ทำก็ไม่ผิด” ไปสู่ “ทำเต็มที่เพื่อประชาชน”
- การยกเครื่องเศรษฐกิจสุขภาพ ตั้งสำนักงานเศรษฐกิจสุขภาพแห่งชาติเพื่อเป็นหน่วยงานระดับยุทธศาสตร์
- การยกเครื่องอุตสาหกรรมเกษตรจาก “ครัวไทยสู่ครัวโลก” สู่ “อาหารไทยสู่อาหารโลก”
- การผลักดันสินค้า SME ไทยสู่ซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วโลก
- การยกเครื่องอุตสาหกรรมอัญมณี จากมูลค่าปัจจุบัน 5 แสนล้านบาท เป็น 1 ล้านล้านบาท ผ่านการ upskill-reskill ช่างฝีมือ
จากนั้น น.ส.แพทองธาร ได้เปิดตัวผู้สมัคร สส.ในการเลือกตั้งทั่วประเทศล็อตแรกจำนวน 185 ราย โดยมอบหมายให้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งของพรรค และไม่ว่าจะมีการเลือกตั้งอีก 2 เดือน หรือ 4 เดือน พรรคเพื่อไทยพร้อมแล้ว
น.ส.แพทองธาร กล่าวถึงแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีว่า จะเสนอครบทั้ง 3 คน โดยจะเปิดตัวพร้อมกันในช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งมั่นใจว่าจะถูกใจประชาชนทุกระดับ พร้อมระบุว่าในรายชื่อทั้ง 3 คนไม่ได้มาจากคนในตระกูลชินวัตร “ไม่มี ยังไม่มี”
ด้านนายสุริยะ กล่าวว่า จากกระแสโซเชียลมีเดียแล้วเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนหลังจากพรรคประชาชนไปสนับสนุนให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเป็นนายกรัฐมนตรี กระแสทางพรรคประชาชนตกลงอย่างมาก จากเดิมที่แต่ละโพสต์มีผู้กดถูกใจหลักหลายหมื่น ประมาณ 8 หมื่น ตอนนี้เหลือแค่หมื่นเดียว
การที่กระแสพรรคประชาชนตกลง เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ สส.เพิ่มขึ้น และตั้งเป้าจะได้ สส.ไม่น้อยกว่า 200 คน บวกลบ 10% โดยให้รอพิสูจน์กันตอนเลือกตั้งว่าคำพูดจะเป็นจริงหรือไม่
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ต.ค. 68)